ประเภทของเงินได้พึงประเมิน (4)
เงินได้พึงประเมินประเภทที่ (5) ได้แก่ เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้เนื่องจาก
(ก) การให้เช่าทรัพย์สิน
(ข) การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน
(ค) การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้น โดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว
ในกรณี (ก) ถ้าเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้มีเงินได้แสดงเงินได้ต่ำไป ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินได้นั้นตามจำนวนเงินที่ทรัพย์สินนั้นสมควรให้เช่าได้ตามปกติ และให้ถือว่าจำนวนเงินที่ประเมินนี้เป็นเงินได้พึงประเมินของผู้มีเงินได้ ในกรณีนี้จะอุทธรณ์การประเมินก็ได้ ทั้งนี้ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ตามส่วน 2 หมวด 2 ลักษณะ 2 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในกรณี (ข) และ (ค) ให้ถือว่าเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้วแต่วันทำสัญญาจนถึงวันผิดสัญญาทั้งสิ้น เป็นเงินได้พึงประเมินของปีที่มีการผิดสัญญานั้น
ประเด็นที่ควรพิจารณา:
(ก) การให้เช่าทรัพย์สิน หากเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้มีเงินได้ (ผู้ให้เช่า) แสดงเงินได้ต่ำไป ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเงินได้นั้น ตามจำนวนที่ทรัพย์สินนั้นสมควรให้เช่าได้ตามปกติ (ประเมินตามราคาตลาด) และให้ถือว่าเงินประเมินนี้เป็นเงินได้ของผู้มีเงินได้ทันที
ข้อสังเกต:
เป็นที่น่าสนใจว่า ไม่มีมาตราใดอีกที่ให้อำนาจประเมินแก่เจ้าพนักงานประเมิน สำหรับบุคคลธรรมดา กล่าวคือแม้ว่ามีการให้บริการที่คิดค่าบริการที่ต่ำกว่าราคาตลาด หรือขายสินค้าต่ำกว่าราคาตลาด เจ้ากพนักงานก็ไม่มีอำนาจประเมิน ต่างกับกรณีของนิติบุคคล คือ ในกรณีของบริษัทหากมีการขายต่ำกว่าราคาตลาด สามารถประเมินได้ เพราะว่ามีบทบัญญัติทางกฎหมายกำหนดไว้อยู่