fbpx

เงินทองก่อนแต่ง ตอนที่ 1 : สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการแต่งงานคืออะไร


กลับมาพบกับตอนที่ 1 ของซีรีย์ยาวเรื่อง “เงินทองก่อนแต่ง” กันต่อครับ หลังจากที่ผมได้เกริ่นไปใน ตอนที่ 0 เรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราจะข้ามขั้นตอนเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรักไปอย่างรวดเร็วเลยละกันนะครับ เพราะในส่วนของรายละเอียดที่ว่า แต่ละคู่นั้นใช้วิธีการขอแต่งงานกันยังไง หรือต้องใช้แผนการอะไรให้ถูกขอแต่งงานกับเค้า (เสียที) เรื่องพวกนี้บอกเลยครับ ว่าพูดไม่ได้ (#นี่พูดเลยว่าพูดไม่ได้) มันเป็นความสามารถส่วนตัวของแต่ละคู่แต่ละคน ห้ามลอกเลียนแบบ โปรดใช้วิจารญานในการรับชม ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ (อิอิ) แถมเรื่องพวกนี้ต่อให้พูดอีก 10 ปีก็คุยกันไม่จบแน่ๆคร้าบบบบบบบบ

– คนที่ใช่ –

แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการแต่งงานแล้ว @TaxBugnoms ขออนุญาตออกความเห็นแบบรวมๆ สักหน่อยละกันครับ โดยขอบอกไว้ก่อนว่าทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งทางตรง (ของตัวเอง) และทางอ้อม (ที่แอบไปเจือกเรื่องของคนอื่น – -“) ที่หลายๆคู่มักจะมีคำถามอยู่เสมอๆว่า “จะรู้ได้ยังไงว่าเราแต่งงานกับคนที่ใช่” (ในวันที่ไม่ผิด ด้วยนะเธอว์)

สำหรับคำถามนี้ ผมอยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่านตัดสินใจแต่งงานจากสองสิ่งนี้ ซึ่งก็คือ “ความรู้สึก (หัวใจ)” และ “เหตุผล (สมอง)”  เพราะผมคิดว่าเป็น “หัวใจสำคัญ” ที่สุดในการตัดสินใจเลือกใครสักคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต (อาจจะฟังดูน้ำเน่าไปหน่อยนะครับ แหม่)

แต่เอาเข้าจริงๆอย่าว่าแต่เรื่องแต่งงานเพียงเรื่องเดียวเลยครับ เพราะในทุกๆเรื่องของชีวิตที่ผ่านเข้ามานั้น เราทุกคนล้วนต้องใช้ “หัวใจ” และ “สมอง” ในการตัดสินใจในทุกๆเรื่องอยู่แล้วล่ะ จริงไหมล่ะครับ :)

 -ว่าด้วย ความรู้สึก และ เหตุผล –

ก่อนที่จะตัดสินใจ “แต่งงาน” นั้น ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง นั่นก็คือ “ความรัก” (แหม่ ถ้าไม่รักก็คงไม่แต่งจริงไหมล่ะครับ) แต่ไอ้เจ้าคำว่า “รัก” ที่ว่าเนี่ย มันไม่ใช่สิ่งที่การันตีว่า ชีวิตหลังจากการแต่งงานจะมีความสุขได้ เพราะสำหรับบางคนแล้ว ความรักก็มีวันหมดอายุ หรือเลิกรักได้เหมือนกัน

ดังนั้น ความรู้สึกที่ผมว่านั้น นอกจากความรักแล้ว ผมอยากให้มองเรื่องของ “ความเข้าใจ” เพราะเมื่อเราเข้าใจแล้ว ก็สามารถที่จะยอมรับและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความรักอีกต่อไป

แต่ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่เข้าใจว่าไอ้นาย @TaxBugnoms คนนี้มันพร่ำเพร้อเรื่องอะไรกันแน่ ชั้นอยากจะรู้ว่าไอ้คนที่ชั้นคบอยู่เนี่ยมันใช่หรือเปล่า จะได้แต่งงานให้เรียบร้อยเสียที ผมขอเสนอให้ใช้วิธีแบบนี้ก็ได้ครับ คุณลองถามตัวเองสั้นๆว่า ถ้าหากต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราจะเข้าใจและยอมรับเพื่อที่จะอยู่กับคนๆนี้ไปได้ตลอดชีวิตหรือไม่ ถ้าคำตอบคือ “ใช่” แสดงว่าเรื่องของความรู้สึกนี้ ทั้งคุณและคู่ของคุณสอบผ่านแล้วครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคร้าบบบบบ (/ชูป้ายไฟ)

ส่วนเรื่องทีสองคือ เหตุผล หมายถึง ให้ลองใช้ “สมอง” พิจารณาก่อน (เอิ่ม…. ผมไม่ได้ว่าท่านผู้อ่านที่ัรักทุกท่านนะครับ แหะๆ) โดยต้องมาดูถึงความเป็นไปได้ว่า คุณและคู่รักของคุณจะมีอนาคตร่วมกันได้ไหม จะเดินต่อไปยังไง จะจัดการชีวิตได้หรือเปล่า

การทำตามเหตุผล ก็คือ ลองตรึกตรองดูว่า เรื่องราวๆผ่านมาระหว่างเราทั้งคู่เป็นอย่างไร มีอุปสรรค ปัญหาต่างๆ ผ่านมาได้ไหม เมื่อใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมีอะไรต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอีกแค่ไหนบ้าง ค่อยๆคิดและพิจารณาถึง “ความเหมาะสม” ในด้านต่างๆ เช่น ทัศนคติ ความคิด การกระทำ และเรื่องอื่นๆด้วยความเป็นกลาง เพราะอย่างที่ผมเคยได้ยินหลายๆคนว่ามาครับ เราจะรู้จักกันและกันดีก็ต่อเมื่อผ่านความสุขและความทุกข์ไปด้วยกัน ดังนั้นข้อสองนี้เหมือนตัวกรองชั้นสูงกว่าข้อแรก เพื่อให้เรามั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว ซึ่งถ้าหากข้อนี้ คำตอบยังเป็นคำว่า “ใช่” อยู่ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งคร้าบบบบบบ (/ชูป้ายไฟ ครั้งทีสอง พร้อมเสียงกรี๊ด)

– สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการแต่งงาน –

เมื่อก้าวผ่านเรื่องราวทั้งหมดมาได้ ในที่สุดเจ้าหญิงกับเจ้าชายก็ครองรักกันอย่างมีความสุข (เย้ยยยย นั่นมันนิทานก่อนนอน!!) คราวนี้ก็มาถึงเรื่องราวที่แท้จริงแบบไม่ใช้สลิงและไม่ใช้ตัวแสดงแทน มาถึงเรื่องทีผมทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ยากที่สุดของการแต่งงาน นั่นคือเรื่องของ “การเงิน” สำหรับ “คู่รัก” นั่นเอง และเมื่อเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ยากที่สุด แน่นอนมันก็ย่อมเป็นเรื่องที่สำคัญทีสุดเช่นเดียวกัน จริงไหมล่ะครับ (เอ๊ะ… มาได้ไงฟระ – -“)

อย่างที่คนโบราณเค้าว่ากันไว้ว่า ขนาดกองทัพยังต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้นเรื่องเงินๆทองๆย่อมสำคัญต่อการแต่งงานไม่ต่างกัน (ว่าแต่มันเกี่ยวกันตรงไหนฟระเนี่ย ชักจะไปกันใหญ่แล้ว – -“) เข้าเรื่องดีกว่าครับ … ผมได้ลองสอบถามกลุ่มประชากรชายหลักๆ ที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็มาจากบรรดาเพื่อนๆของผมและคนรู้จักรอบตัวนี่แหละ จนได้ข้อสรุปออกมาว่า เรื่องเงินทองนี่แหละครับคือปัญหาสำคัญลำดับที่ 1 เลย เพราะถ้าไม่มีเงินสักกะบาทแล้วจะเอาอะไรไปจัดงานแต่งงานละครับ แหม่ …

แต่สำหรับท่านชายบางท่านอ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจจะแย้งออกมาเสียงดังๆเลยว่า เฮ้ยยย ใครบอกว่าเรื่องเงินเป็นปัญหาฟระ ปัญหาของผมคือ “เจ้าสาว” ต่างหาก อันนี้ก็ตัวใครตัวมันละกันครับ (อิอิ เคลียร๋กันเอาเองละกันเน้อ …)

– เงินสำคัญกับงานแต่งงานอย่างไร –

ถ้าได้ยินใครพูดถึงงานแต่งงานขึ้นมาคราใด ภาพของบรรยากาศในโรงแรมหรู หรือสโมสรใหญ่ๆ มีหญิงชายมากมายแต่งตัวสวยงาม มีเจ้าบ่าวเจ้าสาวในชุดหล่อสวย อาหารเลิศรส บรรยากาศเป็นใจ ดนตรีบรรเลงอย่างไพเราะ รวมถึงเรื่องราวต่างๆอีกมากมายนั้นมักจะล่องลอยขึ้นมาในจินตนาการของทุกท่าน อาห์ ชั้นต้องรีบไปตัดชุดใหม่เพื่อใส่ไปงานซะแล้วววววว (ยัง!!! ตื่นๆๆๆ)

เห็นไหมครับว่า ทุกจุดทุกมุมของความสวยงามของเรื่องราวเหล่านั้น  ล้วนประกอบไปด้วย เงิน เงิน เงิน และ เงิน ที่ทางคู่รักต้องใช้ออกไปเพื่อให้ได้มาในวันสำคัญเพียงหนึ่งวันเท่านั้น

แต่ก็คงมีท่านผู้อ่านบางท่าน เมื่อได้ยินคำว่า “งานแต่งงาน” อาจจะคิดถึงงานที่จัดชายทะเลที่แสนจะโรแมนติก หรืองานที่มีบรรยากาศแห่งความอบอุ่นที่จัดเฉพาะครอบครัวที่มีแค่เจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือไม่ก็งานเล็กที่เชิญแขกจำนวนไม่มากแต่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความรู้สึกดีๆอยู่ในนั้น แต่ก็อย่างที่ว่านั่นแหละครับ ทั้งหมดทั้งมวลยังคงหนีไม่พ้นเรื่องเงินอยู่ดี จริงไหมล่ะครับ

ดังนั้นไม่ว่างานแต่งงานที่เกิดขึ้นจะเล็กหรืองานจะใหญ่ เราทุกคนย่อมหลีกไม่พ้นเรื่องของการใช้จ่ายเงินอย่างแน่นอน ….
สำหรับท่านที่ร่ำรวยมีเงินทองมากมายอยู่แล้ว ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร แต่สำหรับบางท่านที่มีเงินไม่มากหรือมีไม่พอ จะทำยังไงดีล่ะ???

แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องนั้น …
ผมขออนุญาตเท้าความเล่าประสบการณ์จัดงานแต่งงานของผมให้ฟังก่อนครับ

– เมื่อ @TaxBugnoms กำลังจะแต่งงาน –

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คำถามที่คอยหลอกหลอนผู้ชายที่มีชีวิตวัยรุ่นตอนปลายอย่างผมอยู่เสมอๆก็คือ “เมื่อไรจะแต่งงานเสียที” แหม่ อายุอานามก็เพิ่งจะยี่สิบกว่า ๆ จะให้รีบไปไหน รู้สึกตัวอีกทีก็อายุปาเข้าไปตั้ง 29 แล้ว เผลอแผลบเดียวชีวิตวัยรุ่น (ย้ำว่าวัยรุ่นนะครัชช) ก็ใกล้จะหมดเต็มที เปรียบเหมือนกับไฟที่ใกล้จะมอด (แหม่ ว่าเข้าไปนั่น) ดังนั้น ชีวิตควรจะดำเนินต่อไปเสียที

เอาวะ!!! เรียนปริญญาโทจบแล้ว บวชก็แล้ว งานการทุกอย่างก็พร้อมแล้ว เหลือเพียงแต่เรื่อง “แต่งงาน” นี่แหละ ที่เก๊ายังมะพร้อมมมมมเยยยย (อ๊ะ!! หันไปเจอคุณแฟนทำหน้าดุใส่) เอ่อ… พร้อมก็ได้ค้าบบบบบ

เมื่อผมกับแฟนตัดสินใจจะแต่งงาน เราทั้งคู่ก็เริ่มต้นจากพูดคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายตัวเองและทาง (ว่าที่) เจ้าสาว และตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น ผมก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับตั้งปณิธาณและประกาศอิสรภาพด้วยเสียงอันดังว่า “งานแต่งงานทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าจะขอรับผิดชอบทั้งหมดด้วยตัวเองแต่เพียงผู้เดียวววววว” (พร้อมกับก้มหัวสามที รอฟังเสียปรบมือ)  แต่เอ๊ะ!! ประกาศไปแล้วก็ไม่มีใครสนใจเท่าไร เสียงที่ตะโกนออกไปก็คล้ายๆกับสายลมผ่านหูประมาณนั้น มีแต่เสียงเบาๆเย็นๆตอบกลับมาว่า

“เอ้า !! งานตัวเองก็ต้องจัดการด้วยตัวเองอยู่แล้วนี่ลูก พูดอะไรแปลกๆ” … เงิบไปหนึ่งดอก
“เดี๋ยวนี้ใครๆเค้าก็ทำแบบนั้นอยู่แล้วนะยะ” … เงิบดอกที่สอง
“พ่อให้เงินลูกไปหมดแล้วนะ” …. เย้ย .. เงิบดอกสุดท้ายยย

ห๊ะ!!! ไอ้เราก็กะจะทำตัวเท่ๆสักหน่อย อ่านกระทู้พันทิปมาก็เยอะเห็นว่ามีดราม่าเรื่องงานแต่ง แต่พอทีเราเอาจริงแล้วทำไมชีวิตเป็นแบบนี้ฟระ !! ชิชะ!! ไม่เป็นไร ไม่มีใครชมก็ไม่เป็นไร เอาแบบนี้ละกัน มาเริ่มต้นกันดีกว่าแต่งงานต้องใช้อะไรบ้าง …

สินสอด ชุดแต่งงาน อัลบั้ม สถานที่ การ์ดแต่งงาน ช่างภาพ พรีเซ้นเตชั่น ของชำร่วย .. เย้
สินสอด ชุดแต่งงาน อัลบั้ม สถานที่ การ์ดแต่งงาน ช่างภาพ พรีเซ้นเตชั่น ของชำร่วย …… เย้ เย้
สินสอด ชุดแต่งงาน อัลบั้ม สถานที่ การ์ดแต่งงาน ช่างภาพ พรีเซ้นเตชั่น ของชำร่วย …………. เย้ เย้ เย้

โอ้ยยย …. ทำไมมันเยอะแยะ จุกจิกมากมายแบบนี้ฟระ !!!! ถ้าเป็นแบบนี้ สงสัยเราคงต้องจัดการอะไรซักอย่างแล้ว!!!!!

.
.
.
.
.
.
.

ถ้าอยากรู้ว่าจัดการอะไร
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคร้าบบบบบบบ :)

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy