[เกรียน] บันได 5 ขั้น สู่ความล้มเหลวในการลงทุน : ตอนที่ 1
คำเตือน
บทความต่อไปนี้มีถ้อยคำไม่สุภาพ และคำพูดแสดงอาการเกรียนของเจ้าของบล็อกอยู่เป็นระยะๆ กรุณาอ่านวันละไม่เกินสองรอบเท่านั้น มิฉะนั้นอาจจะเกิดอาการคลื่นไส้ และอยากถีบบบบเจ้าของบล็อกได้ O_o
.
.
แฮร่ … สวัสดีครับ มิตรรักแฟนบล็อกภาษีข้างถนนทุกท่าน
บทความพิเศษสั้นๆคราวนี้ ขออนุญาตเขียนบทความ “เกรียน” แบบพิเศษ เพื่อระบายความในใจของนาย TaxBugnoms (อ่านว่า “แท็ก บัก หนอม”) เกี่ยวกับเรื่องราวดีๆอย่างเรื่องของ “การลงทุน” ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทั้งหลายอ่านกันบ้าง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมานี้มักจะได้รับคำถามอยู่เป็นนะยะๆ เอ้ย ระยะๆ ประมาณว่า …
– พี่ TaxBugnoms ครับ ผมมีเงินเก็บเดือนละ 5,000 บาทจะเอาไปลงทุนอะไรดีคะ (เตกลงน้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย)
– ตอนนี้มีเงินก้อนอยู่ สี่แสนแปดหมื่นสามสิบสี่บาท จะเอาไปทำอะไรได้บ้างฮะ (ถ้าไม่รู้จะทำอะไร เอามาให้ผมสิฮะ ^^)
– พอดีได้รับมรดกตกทอดจากหม่อมย่ามาจำนวน สิบห้าล้านบาท เกิดอาการตกใจทำอะไรไม่ถูก มีคำแนะนำไหมคะ (แหม่ .. ถ้าแบบนี้ขอแนะนำให้หายตกใจก่อนครับ แฮร่)
คำถามข้างต้น เป็นคำถามสำหรับมือใหม่ แต่สำหรับมือเก๋าทั้งหลาย คำถามก็จะเพิ่มระดับความสนุกขึ้นอีกขั้น เช่น ..
– หุ้น แอดแว้น ทำธุรกิจอะไรครับ น่าซื้อไหม
– ติดหุ้น บ้านพ่อง อยู่ที่ 800 กว่าบาท ขายทิ้งแล้วซื้อใหม่ดีไหม ตอนนี้ราคา 2XX บาททำใจไม่ได้
– ขอแนวรับ แนวต้าน แนวหน้า แนวตะเข็บชายแดน ของหุ้น แจ็ดแมว หน่อยคร๊ะ
– ราคาทองตอนนี้เข้าได้ยังคะ? หรือจะออกดี?
และถ้าเราสังเกตดีๆแล้ว เราจะพบว่าตามเวปบอร์ดเปี่ยมล้นคุณธรรมอย่างพันดริ๊ฟฟฟฟ หรือเวปบอร๋ดการลงทุนต่างๆ รวมถึงหน้าแฟนเพจการลงทุนชื่อดังทั้งหลาย มักจะมีคำถามทำนองนี้มากมาย จนนับไม่ถ้วน บ้างก็มีคนตอบ บ้างก็ไม่มีคนตอบ แต่ยังไงก็ต้องมีคนถามทุกว้าน ทุกวัน
เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ผมเลยลองมานั่งคิดดูเอาเองว่า คำถามเหล่านี้ อาจจะเป็นความทุกข์อีกแบบนึงของคนที่มีเงินออมนะครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไรดี ไอ้ครั้นจะฝากธนาคารเฉยๆก็เกิดอาการขวัญผวาว่า เอ๊ะ เดี๋ยวเงินเฟ้อจะมากินนะ ถ้าผลตอบแทนไม่เกินปีละ 3-4% แล้วล่ะก็คราวนี้ล่ะแย่แน่ๆเลย เพราะแสดงว่าเงินที่เรามีอยู่นั้นมันไม่เพิ่มขึ้นเลย โอ้ย ทำอะไรดีน้อ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว กลัวจนตัวสั่นไปหมดแบ้ววววว ชั้นต้องทำอะไรสักอย่าง เล่นหุ้น เล่นหวย เล่นทอง เล่นนู้นนี่นั่นให้มัน “รวย” ขึ้นมา
และทั้งหมดนี้คือที่มาของบทความสุด “เกรียน” ชุดนี้ เพราะผมเชื่อเหลือเกินว่าทุกๆคนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่อยากจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินและการลงทุนทั้งนั้น แหม่ เท่าที่เหลือบตาดูตามร้านหนังสือก็มองเห็นหนังสือสอนการลงทุนต่างๆ เช่น รวยทั้งโคตรได้ไม่ยาก เล่นหุ้นได้ไม่ง่าย วีไอแนวเทคนิค วีไอสายตรง เทคนิเคิลไม่เวิ่น เป็นเศรษฐีได้สบายๆ รวยทะลุจุดเดือดกันหมื่นล้านสองหมื่นล้าน เทคนิครวยเร่งด่วน How-To ต่างๆออกมาเป็นสิบเล่มร้อยเล่ม จนบางทีแอบคิดว่า เฮ้ยยย นี่มันร้านขายหนังสือการลงทุนแล้วป่ะฟระ!!!
แต่โลกเรานี่ก็ตลกดีนะครับ เพราะความเป็นจริงที่เห็นๆอยู่จากคนรอบตัวมันช่างสวนทางกับโลกในอุดมคติเสียเหลือเกิน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะไม่ประสบความสำเร็จด้านการเงินสักเท่าไรนัก (แหม่ ก็ไม่รู้สินะ.. ว่าหนังสือเค้าเขียนไม่ดี หรือว่า .. เอิ่ม ไม่พูดดีกว่าครัสสส เดี๋ยวจะเข้าตัว เพราะพอร์ทผมเองก็สีแดงแปรดดดดได้ใจอยู่ไม่ต่างกัน อิอิ)
ณ จุดจุดนี้เองก็กลับมาทำให้ผมได้ย้อนคิด (เอาเอง) อีกครั้งว่า ในเมื่อคนส่วนใหญ่เค้าแนะนำวิธีประสบความสำเร็จด้านการเงินมาตั้งมากตั้งมาย แถมมีกูรูทั้งหลายมาแนะนำการลงทุนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่ก็ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร (ส่วนใครที่ประสบความสำเร็จแล้ว ผมขอแสดงความยินดีด้วยจากใจจริงครับ ^^)
เอ๊ะ!! ถ้าเป็นแบบนี้ ทำไมเราไม่ลองทำคู่มือแห่งความล้มเหลวด้านการเงินดูบ้างล่ะ!!!! เผื่อว่าไหนๆถ้าเราเอาดีด้านความสำเร็จไม่ได้ ลองมาเอาดีด้านการล้มเหลวแทนซะเลยยยยยย คงจะดีไม่หยอก เพราะถ้าหากคุณอยากจะประสบความสำเร็จจริงๆแล้วล่ะก็… กรุณาอย่าทำตามบทความชุดนี้โดยเด็ดขาดนะคร้าบบบบบ
เอาล่ะครับ เกริ่นมาซะยืดยาวตามสไตล์นายหนอม … เรามาเข้าสู่ประเด็นหลักกันเลยดีกว่าครับว่า “บันไดสู่ความล้มเหลวในลงทุน” นั้นมีอะไรบ้าง .
บันไดขั้นแรก “อยากรวยแต่ไม่อยากทำงาน”
เรามาเริ่มต้นกันที่แนวคิดพื้นฐานแรกกันก่อน ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการความล้มเหลวด้านการเงินและการลงทุน นั่นก็คือทัศนคติที่ว่า “อยากรวยแต่ไม่อยากทำงาน” แต่ถ้าหากคุณสามารถทำได้ดีกว่านั้นแล้วล่ะก็ ผมมั่นใจว่าคุณจะสามารถ Up level เพิ่ม skill แห่งความล้มเหลวไปได้ในระดับทีสูงกว่านั้น คือ ประสบกับความล้มเหลวไปทั้งชีวิต ได้เลยล่ะครับ
สำหรับวิธีการนี้ เราจะเริ่มต้นจากแนวคิดง่ายๆ ที่ว่า โอ้ย แค่ทุกวันนี้เกิดมาเป็นคนได้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว จะให้ทำอะไรหนักหนากันไปทำไม ดูสิ คนนู้น คนนี้ บางคนไม่ต้องทำงานหนักเค้าก็มีกินมีใช้ตลอดชีวิต ดูอย่าง บิล เกตต์ สตีฟ จ๊อบ ไม่ต้องเรียนหนังสือก็ประสบความสำเร็จได้ แต่อย่าถามวิธีหรือแนวคิดที่เค้าใช้เพื่อประสบความสำเร็จนะครับ เราต้องไม่สนใจเพราะมันเหนื่อยและเสียเวลาเปล่าๆที่จะเรียนรู้ เราต้องมองดูที่ผลลัพธ์ครับ ไม่ใช่ระหว่างทาง แหม่
อีกอย่างเดี๋ยวนี้งานทำง่ายๆ ก็มีตั้งมากมาย เผลอแปบเดียวก็รวยได้แล้ว ดูอย่างพวกที่ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตวันละ 2-3 ชั่วโมงสิ แป็บเดียวก็มีเวลาเอาแบงค์พันมาขี้โชว์ เอ้ย คลี่โชว์ได้แล้ว เผลอๆถ้าทำได้ดีกว่านั้นยังได้รับสิทธิพิเศษถ่ายรูปร่วมกับรถแรงนำเข้าอีกตั้งมากมายด้วยนะเธอว์ แต่เอ๊ะ.. ทำไมมันเอาแต่ถ่ายรถคันเดิมๆหว่า ?? แต่ช่างมันเหอะ งานไม่หนัก เงินเยอะก็พอ ขอแค่มี “อิสรภาพทางการเงิน” ก็พอ
ส่วนคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” สำหรับการเงินและการลงทุนนั้น ก็ไม่เห็นมีอะไรยากนี่นา ตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเลือกลงทุนในหุ้นก็เลือกหุ้นให้ถูกตัวก็พอแล้ว ถ้าคุณเลือกถูกตัวจากไม่กี่ร้อยตัว ก็มีโอกาสรวยได้แล้ว ไม่เห็นเหรอว่าคนสำเร็จมีมากมายในตลาด เราก็คงเป็นผู้โชคดีหนึ่งในนั้นล่ะว้า ดูอย่างไอดอลทั้งหลาย เค้าก็อธิบายวิธีการเลือกหุ้นแล้วเฝ้ารอ แป็บเดียวก็หลายเด้ง หลายเท่ากันทุกคน แต่ทำไมไม่เอาพอร์ทมาโชว์สักคนว้าาาา
แต่ถ้าหากคุณไม่ถนัดแนวนี้ เนื่องจากมีงานประจำทำแล้ว แต่อยากจะล้มเหลวกับเค้าบ้าง แนะนำให้เริ่มต้นจากความฝันก่อนครับ แต่ห้ามลงมือทำตามความฝันเด็ดขาดนะครับ ย้ำเลยว่าอย่าลงมือทำ!! ให้ใช้วิธีประมาณว่า ฝันลอยๆ ฝันลมๆแล้งๆ ก่อนก็ได้ครับ ว่าเราจะรวย อีกไม่นานเราจะรวย ตื่นก็คิดว่าเราจะรวย นอนก็ฝันว่าเราจะรวย งานการที่มีก็ไม่ต้องไปทำ ปล่อยให้ค้างคา วันๆก็หยิบปากกามาแทะเล่น ฝันเฉยๆ นอนเฉยๆ รับรองครับ ผลที่ได้พึงพอใจแน่นอนครับ รับรองอีกไม่นานได้มี “อิสรภาพทางการงาน” ก่อน และหลังจากนั้น “อิสรภาพทางการเงิน” จะตามมาชัวร์…
สำหรับบันไดขั้นแรกนี้ คงไม่มีอะไรมากครับ เริ่มต้นจากการปรับทัศนคติง่ายๆแบบนี้ก่อน ผมเชื่อว่าหลายคนต้องทำได้อย่างสบายๆ และถ้าทำได้แล้วล่ะก็ ถือว่าคุณก้าวผ่านไปแล้ว 20% ของการเดินทางสู่ความล้มเหลวครับ
ส่วนบันไดขั้นที่สอง สาม สี่ และห้า จะเป็นอย่างไร …. โปรดอดใจรอตอนต่อไปนะครับ ^^