fbpx

เงินทองก่อนแต่ง ตอนที่ 2 : เงินสามเวลากับการแต่งงาน


ความเดิมตอนที่แล้ว เรื่องราวความวุ่นวายในการเป็นเจ้าบ่าวมือใหม่ของนาย @TaxBugnoms กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และเป็นที่แน่นอนว่าเรื่องราวที่จะตามมามากมายหลายหลากคงต้องตามมาอีกไม่ช้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสินสอด ชุดแต่งงาน อัลบั้ม สถานที่ การ์ดแต่งงาน ช่างภาพ พรีเซ้นเตชั่น (Presentation) ของชำร่วย ฯลฯ บรื้ออออออ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ยังไม่รวมเรื่องอื่นๆที่ต้องจัดการอีกมากมาย เครียดวุ้ย เครียดๆๆๆๆ

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!! ผมกรีดร้องตะโกนขึ้นมา (ตะโกนยาวไปหน่อย แหะๆๆ) พร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว นี่เรากำลังฝันร้ายอยู่ใช่ไหม ทำไมคนที่กำลังจะมีเมียแบบเราๆ ต้องมีเรืองให้คิดมากมายขนาดนี้ด้วย ไม่ ไม่ ไม่ ม่ายยยยยยยยยยยย !!!!!! (เอิ่มมม…. มันจะเว่อไปหน่อยหรือเปล่า)

เดี๋ยวนะ!!! จุดประสงค์ซีรีย์ยาวเรื่องนี้ไม่ได้เป็นซีรีย์แนวจิตวิทยา เพื่อให้กำลังใจเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานสักหน่อย แต่เป็นซีรีย์การเงินและการวางแผนแต่งงาน ดังนั้นผมขอข้ามเรื่องราวที่เพ้อเจ้อของตัวเองไปก่อนที่จะบ้าบอกันไปกว่านี้ (อิอิ) ว่าแล้วก็กลับมาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าครับ

เมื่อผมทบทวนดูแล้ว เพิ่งรู้สึกว่าต้องใช้เงินไปกับสิ่งต่างๆใช้ในการจัดงานแต่งงานมากมายขนาดนี้ แหม่ เวลาเราไปงานแต่งงานชาวบ้าน เอาจริงๆก็แค่กินอิ่มแล้วก็กลับนี่หว่า เอ้ยไม่ใช่สิ แค่แสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวเท่านั้น แต่พอจะจัดเองแล้ว เรื่องราวมันช่างมากมายเยอะแยะจริงๆครับ (ถ้าใครเคยผ่านช่วงนั้นกันมาคงจะรู้กันดี ใช่ไหมล่ะคร้าบบบ)

และผมต้องขอสารรูป เอ้ย สารภาพตรงๆเลยนะครับว่า ฐานะของผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย แต่เมื่อตัดสินใจจะแต่งงานแล้ว เสียเงินเท่าไรก็คงไม่ว่า เพราะชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะครับ ป้าดโธ่!!! งานแต่งงานครั้งแรกในชีวิต (หวังว่าคงจะไม่มีครั้งต่อไปนะครับ แหะๆๆ) มันก็ต้องวางแผนกันหน่อย

เริ่มต้นจากล้วงกระเป๋าสตางค์ ทุบหมูกระปุกออมสิน ค้นเงินตามลิ้นชัก เปิดบัญชีธนาคารที่แอบสะสมมาตั้งแต่เริ่มทำงาน รวมๆกันแล้วก็เป็นเงินหนึ่งก้อนที่สามารถจัดงานแต่งงานได้ไม่มากไปและก็ไม่น้อยเกินไป

อุตส่าห์ประกาศกร้าวไปใน ตอนที่ 1 ว่าจะจ่ายเงินจัดงานแต่งงานเองทั้งหมด แต่พอคิดๆดูแล้วเริ่มสงสัยว่า เราจะวางแผนการใช้เงินยังไงดีล่ะเนี่ย

– การวางแผนการเงินสำหรับงานแต่งงาน –

การวางแผนการเงินสำหรับงานแต่งงานนั้น มันมีเคล็ดลับอยู่นิดหนึ่งครับ (จริงๆก็เรียกว่าเคล็ดลับไม่ได้หรอกครับ เพราะมันคือความจริง แหะๆ) คือเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การจัดงานแต่งงานนั้น เราจะเน้นไปที่การ “ใช้เงิน” เป็นหลัก ไม่ใช่การบริหารจัดการรายรับรายจ่ายเหมือนการออมเงินหรือวางแผนทางการเงินปกติทั่วไป ที่มี รายรับ รายจ่ายและเงินออม

เงินทองก่อนแต่ง

ดังนั้น เมื่อต้องจ่ายเงินอย่างเดียว สิ่งที่เราต้องนำมาวางแผนเป็นอย่างแรกนั่นก็คือ … “งบประมาณ” หรือที่ภาษาฝรั่งเค้าเรียกว่า นัตเก็ต เอ้ยยยย นั่นมันไก่โฟร้ยยยยยย ต้อง Budget!! ต่างหาก!!!!

แต่การคำนวณงบประมาณในการจัดงานแต่งงานนี่แหละ ทำให้ผมคิดสูตรพิเศษที่ใช้บริหารจัดการการเงินขึ้นมาได้ โดยผมตั้งชื่อสูตรนี้ว่า “เงิน 3 เวลา” 

– สูตรเงิน 3 เวลา มาจากไหน –

หลังจากที่ตรวจสอบเงินที่มีทั้งหมดแล้ว (ไว้อาลัยให้น้องหมูกระปุกออมสิน 3 ตัวของผมด้วยนะครับ TwT) ระหว่างที่นับเงินอยู่นั่นเอง ผมพลันเกิดความคิดแวปปปป!!! ขึ้นมาในสมองว่า เฮ้ยย!!! เราจะทำแบบนี้ไม่ได้นะพี่ชายยย เงินทั้งหมดมันเป็นเงินที่เราหามาทั้งชีวิต แล้วเราจะทุ่มเททั้งหมดไปกับการแต่งงาน แล้วที่เหลือตรูจะเอาอะไรแดร็กซซซ์ กันละเนี่ย พี่ชายยยยยยย!!!! (อ่านแบบใส่อารมณ์ซีรีย์เกาหลีหน่อยนะครับ แหะๆ)

ที่ผมคิดแบบนี้ได้นั้น คงต้องขอยกความดีให้ครอบครัวที่เลี้่ยงดูและอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก จนชายกลางฯมาได้ถึงขนาดนี้ (หมายถึงชายวัยกลางคนนะครับ ไม่ใช่ชายกลางของพจมานแต่อย่างใด อิอิ) โดยเฉพาะคุณแม่ ที่สั่งสอนในเรื่องของ “เด็กต้นทุนต่ำ” ที่ประหยัดอดออมมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ (ถ้าใครสงสัยว่าเด็กต้นทุนต่ำคืออะไร หาอ่านได้จากซีรีย์เงินน้อยก็รวยได้ (Online Version) “ตอนที่ 8” นะครับ)

และทั้งหมดนั้นก็เป็นที่มาของสูตรที่มีชื่อว่า “เงิน 3 เวลา” นั่นเองครับ

– เงิน 3 เวลาคืออะไร –

“เงิน 3 สามเวลา” หรือ “Money Three Times” คือการนำเงินทั้งหมดที่เรามีมาแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ตามแต่ละช่วงเวลาที่เราจะใช้เงิน ได้แก่ เงินที่เราต้องใช้ก่อนแต่งงาน, เงินที่ใช้ในระหว่างแต่งงาน และเงินที่ใช้หลังงานแต่งงาน นั่นเองครับ เมื่อเขียนออกมาเป็นสมการง่ายๆก็จะได้ดังนี้ฮะ

 

เงินทั้งหมดที่เรามี = เงินที่ใช้ก่อนงานแต่งงาน + เงินที่ใช้ระหว่างงานแต่งงาน + เงินที่ใช้หลังงานแต่งงาน

 

สูตรนี้เมื่อดูๆไปแล้ว อาจจะดูเหมือนมีอะไร แต่จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลยครับ (อ้าวแล้วเอ็งจะเกริ่นมาทำไมยืดยาวฟระ!!) แหม่ อย่าเพิ่งบ่นไปคร้าบบบ คำว่าไม่มีอะไรที่ว่า เพราะผมมองว่าเป็นเรื่องง่ายๆที่ใครๆก็สามารถทำได้อยู่แล้วครับ (โดยเฉพาะคนที่กำลังจะแต่งงานที่เต็มไปด้วยความรักอย่างพวกเรา ฮิ้ววววววววววววว… )

และสาเหตุที่เราต้องแบ่งเงินออกเป็นสามเวลานั้น มันมีเหตุผลของมันอยู่ในตัวแล้ว ลองมาดูเงินแต่ละประเภทกันดีกว่าครับว่าหมายถึงอะไรบ้าง

1) เงินที่ใช้ก่อนงานแต่งงาน คือ ค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวก่อนที่จะจัดงานแต่งงานนั่นเองครับ ยกตัวอย่างเงินในกลุ่มนี้ง่ายๆ เช่น

– เงินที่ใช้ในการเตรียมตัวของคู่บ่าวสาวให้พร้อม อุปกรณ์ เสื้อผ้า หน้าผม ต่างๆ เช่น ค่าสินสอด, เงินค่า (เช่า) ชุดแต่งงาน, ค่าถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง (ถ้ามี), ค่าพรีเซ้นเตชั่น (ถ้ามี) และอื่นๆอีกมากมาย

– เงินที่ใช้ในการเชิญแขก จัดการงานต่างๆที่ต้องสำรองออกไปก่อน เช่น เงินค่าโรงแรม (บางส่วน) เงินค่าอาหารในงาน (บางส่วน) ค่าการ์ดแต่งงาน ค่าใช้จ่ายในการเชิญแขก

2) เงินที่ใช้ในระหว่างแต่งงาน คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างงานแต่งงานที่เราต้องจ่าย ซึ่งในส่วนนี้จะมีรายจ่ายหลักๆ คือค่าอาหารกับค่าโรงแรม และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงานวันนั้น เช่น ค่าตากล้อง ค่าช่างวีดีโอ ค่าอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ (Prop) ที่ใช้ในงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เราต้องจ่ายไปในวันสำคัญที่สุดของเราครับ

3) เงินที่ใช้หลังแต่งงาน คือ เงินส่วนที่เหลือที่เราจะเก็บไว้ใช้หลังแต่งงาน หลังจากที่เรามีครอบครัวแล้ว ซึ่งรายจ่ายในการใช้ชีวิตร่วมกันหลังจากนั้น คงจะมีอีกมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆที่เพิ่มขึ้นมา หรือ ค่าใช้จ่ายในการอำนวยความสะดวกแก่ครอบครัว เช่น ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าคอนโด ฯลฯ และในส่วนนี้อาจจะแปรสภาพเป็นเงินลงทุนสำหรับสำหรับอนาคตของคนทั่งคู่ได้อีกด้วยครับ

ทีนี้เรามาดูตัวอย่างของการใช้เงิน 3 เวลากันดูบ้างครับ …

สมมุติว่า ก่อนจะแต่งงานคุณมีเงินเก็บและเงินออมทั้งหมด 1 ล้านบาท (แนะนำว่าให้นับเฉพาะเงินสดที่สามารถใช้ได้นะครับ ไม่นับรวมถึงทรัพย์สินต่างๆที่ต้องนำมาแปรเป็นเงินอีกเพื่อป้องกันความสับสนในการคำนวณครับ)

ค่าใช้จ่ายงานแต่งงานคร่าวๆ นั้น ผมขออนุญาตนำข้อมูลจาก Infographic ด้านล่างนี้มาใช้ประกอบในการคำนวณนะครับ (ในตอนต่อๆไปเราจะมาเจาะลึกในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่สำคัญแต่ละส่วนอีกทีครับ)

Wedding Expense

เมื่อเราลองคิดค่าใช้จ่ายในการแต่งงานคร่าวๆตาม Infographic นี้ดูแล้ว โดยกำหนดให้สินสอดและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เหลือ คือ 500,000 บาท  ซึ่งถ้าหากเราเลือกจัดงานในแบบดีที่สุดคือ 451,500 บาท ดังนั้นสูตรเงิน 3 เวลาของเราก็จะเป็นดังนี้ครับ

1,000,000 = (เงินที่ใช้ก่อนแต่งงานและเงินที่ใช้ระหว่างแต่งงาน) + เงินที่ใช้หลังแต่งงาน
1,000,000 = 451,500 + 500,000 + เงินที่ใช้หลังแต่งงาน
1,000,000 = 951,500 + เงินที่ใช้หลังแต่งงาน

ดังนั้น เงินที่ใช้หลังแต่งงาน = 1,000,000 – 951,500 หรือ 48,500 บาท!!

จากประสบการณ์ของผมเองและคนรอบข้างที่แอบ (เจือก) ทราบมา พบว่าสิ่งที่ผิดพลาดของคนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั่นก็คือให้ความสำคัญของเงิน 3 เวลาแต่งงานแตกต่างกันไป บางคนถึงขั้นไปกู้หนี้ยืมสินมา จนทำให้สมการติดลบ แต่งงานไปแล้วยังต้องมีภาระไม่รู้จักจบจักสิ้น (ในส่วนนี้จะอธิบายให้ฟังในตอนต่อๆไป เช่นกันครับ)

เอาล่ะครับ!! ผมอยากให้เพื่อนๆลองคิดดูครับว่า ในเงิน 3 เวลาที่ว่านี้ เงินในส่วนไหนสำคัญที่สุดในการแต่งงาน…

– บางคนบอกว่า เฮ้ยยยยย เงินก่อนแต่งงานสำคัญที่สุด เพราะสินสอดมันแพงเหลือหลายยยย
– บางคนก็บอกว่า เฮ้ยยยยยย ใครโบกก (บอก!!) เงินค่าจัดงานระหว่างแต่งสิ สำคัญที่สุด เพราะแขกตรูมาเยอะกันชิบบหายยยยย
– บางคนก็บอกว่า เฮ้ยยยยยยยย เอ็งทั้งคู่แหละผิด เงินหลังแต่งงานน่ะ เรื่องใหญ่ที่สุด รู้ไหมตรูต้องใช้หนี้ให้เมียแทบตายยยยยย

และสำหรับตอนที่ 2 นี้ก็คงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ ขอเชิญเพื่อนๆทุกท่านแลกเปลี่ยนความเห็นความคิดกันตามสบายยยยยย เพราะว่าเฉลย (ของผม) นั้นอยู่ในตอนต่อปายยยยย

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy