fbpx

[เม้าท์] บัตรเครดิต-บิดชีวิตให้เพี้ยน

โพสต์เมื่อ: 18 ก.ย. 2013

ป้ายกำกับ: , , ,


สำหรับเรื่องที่จะเขียนในหัวข้อ “เม้าท์” นั้น เป็นบทความสั้นๆจบในตอน เกี่ยวกับเรื่องราวและประสบการณ์ที่ @TaxBugnoms พบเจอในโลกของบัญชี ภาษีและการเงินรอบๆตัว เอามาตีแผ่และเล่าให้ฟังแบบสนุกๆ แต่มีการดัดแปลงเรื่องและตัวละครไม่ให้ตรงกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เผื่อเอาไว้ก่อนเดี๋ยวโดนฟ้องแล้วจะไม่มีใครมาเขียนบล็อกให้ ฮาาาา

วันนี้จะมาเล่าเรื่อง “หนี้บัตรเครดิต” ให้ฟัง เพื่อให้เป็น “ข้อคิด” เตือนใจในการบริหารการเงินและระมัดระวังตัวในการใช้จ่ายของเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนครับ โดยเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อาจจะไม่ใช่บทความวิชาการที่ทำให้รู้ถึงพิษภัยของบัตรเครดิต แต่เป็นเรื่องจริงและประสบการณ์ตรงจากรุ่นพี่คนหนึ่งของผม เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

พี่ “แบร์โร่ว” เป็นลูกครึ่งไทย – เยอรมันนี ตอนนี้มีอายุอานามใกล้ๆหลักสี่ มีงานมีการทำเป็นมนุษย์เงินเดือนในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านสีลม ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 60,000 บาท บ่นให้ผมฟังหลังจากที่สูบบุหรี่มวนสุดท้ายว่า …

“เฮ้อ.. เมริงเชื่อไหมว่าตอนนี้กูไม่มีเงินเก็บสักกะบาท Shit!!! ”
พี่แบร์โร่ว์กล่าวเบาๆเหมือนพูดคุยเรื่องปกติแต่กลับสบถออกมาเสียงดังลั่นเมื่อพูดจบ

ผมลองเหลือบตาดูการแต่งตัว ทรงผม เครื่องประดับของพี่แบร์โร่ว์แล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่า ผู้ชายที่แต่งตัวดี ใส่สูท ผูกไทด์ มีลักษณะเพียบพร้อมคนนี้จะไม่มีเงินเก็บหรือเงินออมเลยสักบาท

“อ้าวววว แล้วทำไมเป็นแบบนั้นล่ะพี่” ผมเลยถามไป …
“เรื่องมันยาวว่ะ พอจะมีเวลาฟังไหม” ผมพยักหน้า

“วันนี้ผมไม่รีบอยู่แล้วพี่ ต่อให้ผมรีบแค่ไหนก็ตาม เรื่องชาวบ้านก็คืองานของเรา :V ”

พี่แบร์โร่วเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้แกก็เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆนี่แหละ เมื่อไรที่เงินเดือนออกก็มักจะเอาไปใช้จนหมดทุกที ไม่เคยเก็บออมเลย เนื่องจากแกเป็นคนที่ชอบกิน ชอบเที่ยว ชอบแต่งตัว หมดไปเยอะกับเรื่องพวกนี้ แต่พอมีรายได้ที่จะทำ “บัตรเครดิต” กับ “บัตรกดเงินสด” ได้ แกก็ลองทำดู เห็นว่าสะดวกดีจะได้ใช้ง่ายๆ ไม่ต้องพกเงินเยอะ

ไปกินที่ไหน … ก็รูดบัตร
ไปเที่ยวที่ไหน … ก็รูดบัตร
อยากได้เสื้อผ้าใหม่ … ก็รูดบัตร
อยากได้รองเท้าใหม่ .. ก็รูดบัตร
อ้าววว… เงินหมดแล้วววว ก็จัดบัตรกดเงินสดมาใช้เซ่!!!

ตอนแรกก็เริ่มจากหนี้จำนวนน้อยๆ แต่มันเพิ่มขึ้นด้วย “ดอกเบี้ย” ที่เหมือนเงาตามตัว รายได้ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีก็เอามาหมุนใช้หนี้บัตร (พี่แบร์โร่ว์เคยเป็นหนี้สูงสุดถึง 500,000 บาท O_o) จนตอนนี้แกบอกว่าในทุกๆเดือนรายได้ที่ได้รับกว่า 80% ของแกต้องเอามาหมุนจ่ายค่าบัตรเครดิตที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดง่ายๆ

“เอาจริงๆ กรูก็รู้แล้วว่าเป็นหนี้แม่งไม่ดี กะว่ารอโบนัสปีนี้มาล้างหนี้บัตรแหละ แล้วค่อยจัดหนี้ก้อนใหม่ต่อ”
พี่แกยิงมุขตลก (แต่ผมกลับไม่รู้สึกขำแม้แต่น้อย)

หลังจากนั้น พี่แบร์โร่วก็เล่าต่อว่า ตอนนี้แกมีหนี้คงเหลืออยู่ประมาณ 350,000 บาท แต่จริงๆแล้วหนี้ทั้งหมดนั้นไม่ได้มาจากการชอบเที่ยว ชอบใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว แต่มาจากเรื่องราว “ดราม่า” ในชีวิตอีกด้วย

“จะบอกว่ามันนี้เหตุการณ์เข้ามาตลอดๆๆๆๆ ทำให้เป็นหนี้เยอะ ลำพัง กิน เที่ยว แต่งตัวไม่เท่าไหร่หรอก ประมาณว่าพี่ตาย น้องติดคุก บ้านไฟไหม้ เป็นคนเร่ร่อน ประมาณนั้นเลยอ่ะ เฮ้ออ พูดแล้วเศร้า”

“แต่จริงๆ กรูก็ประมาทเองแหละ ไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน พอมีเหตุการณ์ต้องใช้เงินขึ้นมา หนี้มันก็เลยขึ้นพรวดๆเอา จะลงก็ยากเพราะดันเป็นคนชอบใช้จ่ายแบบนี้แหละน้าาาา” (พูดถึงตอนนี้ผมเริ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับแก)

ผมบอกไปว่า “มันก็ยังดีพี่ ที่มีรายได้เข้ามาตลอด ถ้าตกงานนี่ไม่ต้องพูดเลยนะ”

พี่แบร์โร่ว์หัวเราะร่วน “เอออ… มันก็ดีตรงนี้แหละ เมริงไม่ควรเอาเป็นตัวอย่าง ถ้าไม่แน่จริงนะโว้ยยย”

ก่อนจากกัน พี่แบร์โร่ว์บอกผมว่าตอนนี้แก “รู้ทัน” ตัวเองมากขึ้นแล้วครับ เลยพยายามที่จะประหยัดแล้วรีบใช้หนี้เก่าให้หมด ชีวิตจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือเป็นอิสรภาพทางการเงินจริงๆซักที (ผมเชื่อเลยครับว่าสำหรับบางคนแค่การไม่มีหนี้ก็ถือเป็นอิสรภาพทางการเงินแล้วล่ะครับ)

วัตถุประสงค์ที่นำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เพราะผมเห็นว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องทุกคน ได้ลองสำรวจตัวเองว่า ตอนนี้เราได้วางแผนการเงินอะไรไว้บ้างหรือเปล่า เพราะในบางครั้งชีวิตที่ลัลล้า สบายๆของเรา อาจจะมี “อุบัติเหตุทางการเงิน” เกิดขึ้นมาได้โดยที่ไม่รู้ตัว และตอนนั้นเราทุกคนอาจจะไม่ได้โชคดีอย่างพี่แบร์โร่ว์ก็ได้

ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน
มีชีวิต “การเงิน” ที่ไม่ประมาทนะครับ  :)

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy