ข่าวสำคัญด้านทำบัญชีจากคณะกรรมการด้านทำบัญชี สภาวิชาชีพบัญชี ครั้งที่ 17
รายละเอียดเพิ่มเติมและที่มา
http://fap.or.th/subfapnews.php?id=216
ท่านผู้ทำบัญชีคงได้รับทราบว่ามาตรฐานการบัญชี เรื่องที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ รายได้ ผลประโยชน์ของพนักงาน และการบัญชีและการรายงานโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงาน มาตรฐานการรายงานทางการเงิน เรื่องการจ่ายโดยใช้หุ้นเป็นเกณฑ์ และการรวมธุรกิจ รวมถึง การตีความมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 15 เรื่อง สัญญาก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 ให้กิจการที่มีส่วนได้เสียต่อสาธารณะถือปฏิบัติกับงบการเงินในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป
สำหรับในกรณีกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียต่อสาธารณะ สภาวิชาชีพบัญชีฯอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำมาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียต่อสาธารณะ จึงออกประกาศฉบับที่ 62/2553 บรรเทาภาระการเปลี่ยนแปลงระบบงานและต้นทุนการจัดทำบัญชีโดยให้ กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียต่อสาธารณะจัดทำบัญชีตามมาตรฐานการบัญชีที่ถือปฏิบัติในปี 2553 ไปจนกว่ามาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียต่อสาธารณะประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นอกจากนี้จดหมายข่าวฉบับนี้ยังได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 1 (ปรับปรุง 2552) เรื่อง การนำเสนองบการเงิน ดังนี้
มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้เปลี่ยนแปลงข้อกำหนดองค์ประกอบของงบการเงินที่สมบูรณ์พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงชื่องบการเงิน ดังนี้
– งบแสดงฐานะการเงิน (ชื่อเดิมงบดุล ชื่ออังกฤษเปลี่ยนจาก Balance Sheet เป็น Statement of Financial Position)
– งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (ชื่อต่างประเทศ Statement of Comprehensive Income)
– งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ
– งบกระแสเงินสด (เปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษจาก Cash Flow Statement เป็น Statement of Cash Flow)
– หมายเหตุประกอบงบการเงิน และข้อกำหนดใหม่คือ
– งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันต้นงวดของงวดที่นำมาเปรียบเทียบแรกสุด ซึ่งต้องจัดทำกรณีที่บริษัทมีรายการอย่างหนึ่งต่อไปนี้คือ
1.การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี การแก้ไขข้อผิดพลาด หรือการจัดประเภทบัญชีใหม่ รอบระยะเวลาบัญชีใดที่ชีวิตเปลี่ยนแปลง กิจการย่อมต้องนำเสนองบการเงินด้วยความโปร่งใสเช่นกัน
2. งบแสดงฐานะการเงินตามมาตรฐานการบัญชีมีตัวอย่างการนำเสนอเป็น 2 ลักษณะ คือ สภาพคล่องมากไปน้อยอย่างที่พี่น้องชาวไทย เคยชินกัน (เริ่มด้วยเงินสดจนจบด้วยสินทรัพย์อื่น) หรือสภาพคล่องน้อยไปมาก (ที่ดินอาคารอุปกรณ์ จนจบด้วยเงินสด) ท่านสามารถเลือกรูปแบบที่เหมาะสมและทำให้สะท้อนฐานะการเงินได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ให้พิจารณาตามข้อกำหนดรูปแบบย่องบการเงินของกรมพัฒนาธุรกิจที่จะมีการชี้แจงต่อไป
3. งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จมีแนวทางการจัดทำได้ 2 ลักษณะ คือ
– การทำงบกำไรขาดทุน (รายได้ถึงกำไรสุทธิ โดยมาตรฐานการบัญชีฉบับอื่นจะเรียกส่วนนี้ว่ากำไรหรือขาดทุน) แยกกับงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (กำไรสุทธิและรายการกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น)
– การทำงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จงบเดียว (รายได้ ค่าใช้จ่าย กำไรสุทธิ และรายการกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น รวมอยู่ในงบเดียวกันงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จเป็นงบที่ใช้รับรู้ผลการดำเนินงานที่ไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากเจ้าของ โดยรายการกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นที่ประเทศไทยจะมีโอกาสได้พบคือ
– ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ ใช้ในกรณีที่ดิน อาคารและอุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่วัดมูลค่าด้วยวิธีราคาที่ตีใหม่เดบิต สินทรัพย์ เครดิต ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์
– กำไรขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากหลักทรัพย์เผื่อขาย ใช้กับหลักทรัพย์เผื่อขายที่มูลค่ายุติธรรมสิ้นงวดเปลี่ยนแปลงจากต้นงวด
– ผลสะสมการแปลงงบการเงินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ เกิดขึ้นกรณีบริษัทใหญ่จัดทำงบการเงินรวมโดยรวมบริษัทย่อยในต่างประเทศมาโดยงบการเงินของบริษัทย่อยในส่วนของงบแสดงฐานะการเงินใช้อัตราปิด งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จใช้อัตรา ณ วันที่เกิดรายการหรืออัตราถัวเฉลี่ย ทำให้เกิดผลต่างขึ้นและรับรู้ไว้เป็นกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น
– กำไรขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงกระแสเงินสด หากกิจการซื้อเครื่องมือทางการเงินไว้ป้องกันความเสี่ยงของรายการที่ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของกระแสเงินสดที่จะเกิดในอนาคตโดยจัดทำเอกสารป้องกันความเสี่ยงและการวัดประสิทธิผลการป้องกันความเสี่ยงเป็นไป ตามเกณฑ์ 80 – 125% ให้นำผลกำไรขาดทุนจากเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเก็บไว้เป็นผลกำไรขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงกระแสเงินสดและนำไปรับรู้ในกำไรหรือขาดทุนในรอบระยะเวลาบัญชีที่กำไรขาดทุนที่เกิดจากรายการป้องกันความเสี่ยงนั้นรับรู้ในกำไรหรือขาดทุน
– กำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่รับรู้เป็นกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นเมื่อประมาณการมูลค่าปัจจุบันของภาระผูกพันผลประโยชน์และสินทรัพย์ของโครงการแตกต่างจากรายการจริงหรือข้อสมมติที่ใช้ประมาณมูลค่าภาระผูกพันผลประโยชน์เปลี่ยนแปลงไปหรือผลตอบแทนที่เกิดจริงต่างกับผลตอบแทนของสินทรัพย์ของโครงการที่ใช้บันทึกบัญชีและกิจการเลือกรับรู้กำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยด้วยวิธีนี้
รายการกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นนี้ ส่วนใหญ่ไม่รับรู้กลับเข้ากำไรขาดทุน (เป็นพวกชอบโลกร้อน ไม่ recycle – recycle ตามศัพท์มาตรฐานการบัญชี คือ การนำกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นรับรู้เป็นกำไรหรือขาดทุน) จนกว่าจะยกเลิกหรือตัดรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องไป ดังนั้น แม้จะมีข้อดีที่จะไม่ไปรบกวนกำไรสะสม แต่ข้อเสียที่สำคัญคือ ถ้าเป็นกำไรในกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น ไม่สามารถนำไปจ่ายเงินปันผลได้
ประเด็นสำคัญที่จดหมายข่าวฯ ประสงค์จะชี้แจงให้ท่านทราบคือ ในงวดปี 2554 นี้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชีมากมาย แต่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนดแนวปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลงว่า บริษัทเลือกนำเสนองบแสดงฐานะการเงินเพียงงวดปัจจุบันกับงวดก่อนที่นำมาเปรียบเทียบ โดยไม่ทำงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันต้นงวดของงวดที่นำมาเปรียบเทียบได้หากไม่สามารถปรับตัวเลขให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว กิจการที่นำเสนองบกระแสเงินสดไม่อาจทำงบแสดงฐานะการเงินเพียง 2 งวด เพราะการทำงบกระแสเงินสดได้ต้องใช้ข้อมูลงบแสดงฐานะการเงิน 2 งวด และงบกำไรขาดทุนของงวดปัจจุบัน
ประเด็นสุดท้ายคือ ท่านผู้ทำบัญชีควรฝึกซ้อมและจัดทำประมาณการงบการเงินปีต่อไปโดยปรับปรุงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีแต่ละเรื่องที่ท่านเลือกว่าเหมาะสม นำเสนอให้ผู้บริหารทราบข้อมูลล่วงหน้า หากมีข้อติดขัด ผิดเงื่อนไขสัญญาต่าง ๆ จะได้เจรจาและจัดการแก้ไขได้ก่อนปิดงบการเงินปีถัดไป