fbpx

ประมวลรัษฎากรกับการตีราคาทรัพย์สิน (3)

โพสต์เมื่อ: 24 ส.ค. 2011

ป้ายกำกับ: , , , ,


มาตรา 65 ทวิ (6) ราคาสินค้าคงเหลือในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ให้คำนวณตามราคาทุนหรือราคาตลาด แล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่า และให้ถือราคานี้เป็นราคาสินค้าคงเหลือยกมาสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีใหม่ด้วย


การคำนวณราคาทุนตามวรรคก่อน เมื่อได้คำนวณตามหลักเกณฑ์ใด ตามวิชาการบัญชี ให้ใช้หลักเกณฑ์นั้นตลอดไป เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากอธิบดีจึงจะเปลี่ยนหลักเกณฑ์ได้


ซึ่งกรณีสำหรับการนำเข้าหรือการขายเพชร พลอย ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน โอปอล นิล เพทาย ไพฑูรย์ หยก ไข่มุก และอัญมณีที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน รวมทั้งสิ่งทำเทียมวัตถุดังกล่าวหรือที่ทำขึ้นใหม่เฉพาะที่ยังมิได้ประกอบขึ้นเป็นตัวเรือนหรือของรูปพรรณ เพื่อใช้ในการผลิตอัญมณีที่เป็นเครื่องประดับหรือของใช้ใดๆ และการนำเข้าหรือการขายทองคำขาว ทองขาว เงิน และพาลาเดียม เฉพาะที่ยังมิได้ประกอบขึ้นเป็นของรูปพรรณของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่จะได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้พิจารณาเพิ่มเติมตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ดังนี้
http://rdsrv.rd.go.th/15832.0.html


มาตรา 65 ทวิ (7) การคำนวณราคาทุนของสินค้าที่ส่งเข้ามาจากต่างประเทศนั้น เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินโดยเทียบกับราคาทุนของสินค้าประเภทและชนิดเดียวกันที่ส่งเข้าไปในประเทศอื่นได้


หลักการ
1. ราคาทุนหรือราคาตลาดแล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่า จากมาตรา มาตรา 65 ทวิ (6) ข้างต้น แสดงว่าประมวลรัษฎากรยอมรับวิธีปฏิบัติที่ตรงกันกับหลักการทางบัญชีด้วย คือ เมื่อมีการตรวจนับสินค้าปลายงวด กิจการต้องยึดตามวิธีราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะขายได้ที่ต่ำกว่า (Net Realizable Value-NRV) เพื่อตีราคาสินค้าคงเหลือปลายงวดออกมา แล้วถือเอาราคาทุนหรือราคาตลาดที่ต่ำกว่า
2. คำนวณราคาทุนของสินค้าที่ส่งเข้ามาจากต่างประเทศนั้น ต้องพิจารณาเรื่องการแปลงค่าเงิน ตาม มาตรา 65 ทวิ (8) และการเปรียบเทียบกับราคาของประเทศเดียวกันที่ส่งไปยังประเทศอื่น ซึ่งเป็นอำนาจการประเมินของเจ้าพนักงาน ซึ่งกิจการต้องพิสูจน์ว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาตลาดที่แท้จริงว่าถูกต้องหรือไม่


error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy