fbpx

ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม


ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ “ผู้ประกอบการ” ซึ่งหมายความถึง

1.บุคคลธรรมดา ซึ่งหมายความรวมถึงกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง (มาตรา 77/1 (2)) คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญ กองทุน หรือ มุลนิธิที่มิใช่นิติบุคคล และหมายความรวมถึงกิจการของเอกชนที่กระทำโดยบุคคลธรรมดาตั้งแต่ 2คนขึ้นไป ที่มิใช่นิติบุคคล (มาตรา 77/1(3)) และ นิติบุคคล ซึ่งรวมถึงนิติบุคคลใดๆ ทั้งสหกรณ์ องค์กรของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ (มาตรา 77/1(4))

2. ขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักร

มาตรา 77/1 (8) ” ขาย ” หมายความว่า จำหน่าย จ่าย โอนสินค้า ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือค่าตอบแทนหรือไม่
ตัวอย่างเช่น การซื้อขายสินค้าทั่วๆ ไป การแจกสินค้า การแถมสินค้า การมอบรางวัลในการชิงโชค การให้ทดลองใช้สินค้า ซึ่งการ “ขาย” ของภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะหมายความรวมถึง

• สัญญาให้เช่าซื้อสินค้า สัญญาซื้อขายผ่อนชำระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไปยังผู้ซื้อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อแล้ว หรือสัญญาจะขายสินค้าที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
• ส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนเพื่อขาย
• ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักร (ส่งสินค้าไปต่างประเทศ)
• นำสินค้าไปใช้ไม่ว่าประการใดๆ เว้นแต่การนำสินค้าไปใช้เพื่อการประกอบกิจการของตนเอง โดยตรงตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
• กรณีที่สินค้านั้นขาดไปจากรายงานสินค้าและวัตถุดิบ ตามมาตรา 87 (3) หรือมาตรา 87 วรรคสอง
• มีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการ มีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันเลิกประกอบกิจการ แต่ไม่รวมถึงสินค้าคงเหลือ และหรือทรัพย์สินดังกล่าวของผู้ประกอบการซึ่งได้ควบเข้ากัน หรือได้โอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการใหม่อันได้ควบเข้ากัน หรือผู้รับโอนกิจการต้องอยู่ในบังคับที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 (เมื่อเริ่มกิจการ ผู้ประกอบการได้ใช้ภาษีซื้อไปแล้ว เมื่อเลิกกิจการก็ต้องเสียภาษีขาย)
• กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ได้แก่

(1) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/10 แห่งประมวลรัษฎากร มีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
(2) ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/17 แห่งประมวลรัษฎากร มีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบกิจการ ณ วันที่ได้รับแจ้งการเพิกถอนทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีการจำหน่าย จ่ายโอน จะไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแต่จะไปเสียในเรื่องของภาษีธุรกิจเฉพาะแทน

มาตรา 77/1 (9) “สินค้า” หมายถึง ทรัพย์สินที่มีรูปร่าง และ ไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขายหรือเพื่อการใด ๆ ซึ่งจะรวมถึงทรัพย์สินที่มีไว้ใช้ในการประกอบกิจการ เช่น โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ คอมฯ รถยนต์ เป็นสินค้าทั้งหมด

มาตรา 77/1 (10) “บริการ” หมายความว่า การกระทำใด ๆ อันอาจหาประโยชน์อันมีมูลค่าซึ่งมิใช่เป็นการขายสินค้า และให้หมายความรวมถึงการใช้บริการของตนเอง ไม่ว่าประการใดๆ ซึ่งสังเกตได้ว่า ประมวลรัษฎากรนิยามว่าการกระทำใดๆอันอาจหาผลประโยชน์อันมีมูลค่า ซึ่งไม่ใช่การขายสินค้า ถือเป็นการให้บริการทั้งสิ้น ยกเว้นรายการดังต่อไปนี้

• การใช้บริการของตนเองเพื่อการผลิต เป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ฉบับที่ 2 คือ ใช้บริการหรือนำสินค้าไปใช้เพื่อการประกอบกิจการของตัวเองโดยตรง ทั้งนี้ ต้องเป็นการใช้ในกิจการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น
• การเอาเงินไปฝากธนาคาร ก็ไม่ถือเป็นการให้บริการ การนำเงินไปหาประโยชน์ในการฝากธนาคารการซื้อพันธบัตร หรือหลักทรัพย์
• การกระทำตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี (ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศใช้)

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy