[บทความวารสาร] ภาษีสำหรับ “คนรักการอ่าน”
ตีพิมพ์ครั้งแรก : วารสาร CPD Account : October : Vol.10 No.118
สำนักพิมพ์ : ธรรมนิติ
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันในบทความประจำเดือนอีกครั้งกับ “บล็อกภาษีข้างถนน” ในเดือนนี้เรามา Update ความรู้เกี่ยวกับภาษีกันอีกเช่นเคยครับ คราวนี้เป็นเรื่องราวสิทธิประโยชน์ของผู้ที่รักการอ่านหรือหนอนหนังสือนั่นเองครับ
แหม่… เมื่อก่อนผมเคยได้ยินข่าวคราวทำนองเค้าว่ากันว่า “คนไทยส่วนใหญ่อ่านหนังสือไม่เกิน 7-8 บรรทัดต่อปี” แต่เมื่อเร็วๆนี้ก็เพิ่งจะมีโครงการ “กรุงเทพเมืองหนังสือโลกปี 2556” (ตกลงมันยังไงกันแน่หว่า) เอ่อ…อ้า… เอาเป็นว่าช่างมันเถอะครับ เรามาลองดูกฎหมายในการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่รักการอ่านและสนับสนุนการอ่านหนังสือกันดีกว่าครับ ว่ามีอะไรบ้าง
เมื่อเปิดดูในประมวลรัษฎากรแล้ว พบว่ามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 511) พ.ศ. 2555 โดยในส่วนของพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาที่สำคัญดังนี้ครับ
มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
(1) สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินที่บุคคลธรรมดาได้จ่ายให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาขององค์การของรัฐบาลโรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน เพื่อใช้ในการจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนนั้น
(2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาขององค์การของรัฐบาล โรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน เพื่อใช้ในการจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ และรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไป โดยไม่เก็บค่าบริการใด ๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะหรือสนามกีฬาของทางราชการแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร การได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน สำหรับหอสมุดหรือห้องสมุดของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินห้าหมื่นบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด
และจากพระราชกฤษฎีกาฯฉบับข้างต้นนี่เอง ผมขออนุญาตสรุปเนื้อหาอีกครั้งสําหรับสิทธิทางภาษีเพื่อการจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่านให้แก่ หอสมุด ห้องสมุดหรือแหล่งหนังสืออื่น ๆ ที่ให้บริการแก่นักเรียน นักศึกษาและประชาชน โดยเราจะแบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้ครับ
กรณีที่ 1 : บุคคลธรรมดา สามารถนํารายจ่ายดังกล่าวไปยกเว้นสําหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน (เงินได้สุทธิ) เป็นจํานวน 2 เท่าของจํานวนเงินที่ได้จ่ายไปแต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อการสนับสนุนการศึกษาต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนนั้น
ตัวอย่างเช่น : นายป่านได้บริจาคเงินให้แก่โรงเรียนรัฐบาลเพื่อใช้จัดหาหนังสือให้แก่นักเรียนจำนวน 100,000 บาท ซึ่งถ้าหากในระหว่างปี นายป่านมีเงินได้สุทธิ หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้วจำนวน 3,000,000 บาท โดยถ้าหากนายป่านไม่มีเงินบริจาคอื่นๆนายป่านจะสามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคจำนวนนี้ได้ถึง 2 เท่า คือ 200,000 บาท
แต่ถ้าหากนายป่านมีเงินได้สุทธิจำนวน 1,000,000 บาท และยังคงไม่มีเงินบริจาคอื่นๆ นายป่านจะสามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคจำนวนนี้ได้เพียง 100,000 บาทเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถหักได้เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิตามที่กฎหมายกำหนดยังไงล่ะครับ
กรณีที่ 2 : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนําไปยกเว้นสําหรับเงินได้เป็นจํานวน 2 เท่าของรายจ่าย ไม่ว่าจะจ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสําหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ และรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างและการบํารุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไป โดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะหรือสนามกีฬาของทางราชการแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกําไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
ตัวอย่างเช่น : บริษัท ปอป่าน จำกัด ได้บริจาคเงินทุนเพื่อจัดหาหนังสือและซื้อหนังสือให้แก่โรงเรียนรัฐบาลเพื่อใช้จำนวน 200,000 บาท ซึ่งถ้าหากในระหว่างปี บริษัท ปอป่าน จำกัด มีกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายกุศลสาธารณะจำนวน 5,000,000 บาท และไม่มีรายจ่ายกุศลสาธารณะอื่น บริษัท ปอป่าน จำกัด จะสามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคจำนวนนี้ได้ถึง 2 เท่า คือ 400,000 บาท ซึ่งไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิจำนวนดังกล่าวครับ
กรณีที่ 3 : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน สําหรับหอสมุดหรือห้องสมุดของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเองจํานวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายเฉพาะในส่วนที่ไม่เกินห้าหมื่นบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี
สำหรับหลักฐานในแต่กรณีนั้น สามารถพิสูจน์ได้โดยนําใบเสร็จรับเงิน (กรณีที่บริจาคเป็นเงิน) หรือหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า มีการจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน ที่ได้ระบุมูลค่าของหนังสือไว้ครบถ้วน
จากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้วนั้น เป็นเนื้อหาสำหรับเรื่องการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่รักการอ่านและสนับสนุนการอ่านให้แก่สังคมไทย
สำหรับผมแล้วถือเป็นเรื่องดีๆอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลยนะครับ เพราะได้ทั้งบุญและประโยชน์ทางด้านภาษีอีกด้วย และหากท่านผู้อ่านมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ทางเพจ “บล็อกภาษีข้างถนน” (Facebook.com/TaxBugnoms) ได้ตลอดเวลาเลยนะคร้าบบบบ