เจาะลึกการลดหย่อนภาษีด้วยเงินบริจาค (2)
ในส่วนของตอนที่ 2 นี้จะว่าถึงเรื่องของเงินบริจาคที่เกิดขึ้นในระหว่างปี 2554 ได้แก่ เรื่องสึนามิและมหาอุทกภัย โดยขอแบ่งออกเป็นแต่ละหัวข้อตามนี้ครับ
1. กรณีเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศญี่ปุ่น (สึนามิ)
ผู้ที่บริจาคเป็นเงินด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีช่วยเหลือผู้ประสบภัยของหน่วยงานราชการที่เปิดรับบริจาคเป็นการเฉพาะ หรือผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 9 อสมท. เป็นต้น สามารถนําเงินบริจาคนั้น หักลดหย่อนในการคํานวณภาษีได้ตามจริง (รวมกับเงินบริจาคอื่นๆด้วย) แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและ ค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว โดยใช้หนังสือสําคัญการรับเงินบริจาคที่ส่วนราชการ จากนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนรับบริจาคหรือใบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือสลิปของธนาคาร เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปหักลดหย่อนต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก
แถลงข่าวของกรมสรรพากร
เอกสารเลขที่ ปชส. 39/2554 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2554
http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/images/image_news/news39_2554.pdf
สรุปประเด็น:
1. ต้องบริจาคเป็น “เงิน” เท่านั้น
2. บริจาคผ่านหน่วยงานราชการ หรือสถานีโทรทัศน์ 3 5 7 9
3. หัดลดหย่อนได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ
4. ต้องมีหลักฐาน (หนังสือแสดงการรับเงิน) หรือ สลิปโอนเงินของธนาคาร
2. กรณีปัญหามหาอุทกภัยปี 2554 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
1. ถ้าเป็นกรณีเงินบริจาคผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้จ่ายเงินหรือโอนเงินเข้าบัญชีช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งจัดโดยบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (เป็นตัวแทนรับเงินบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัย) ซึ่งก็ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7 และ ช่อง 9 อสมท หรือกองทุนภาคเอกชน เป็นต้น ก็สามารถนำเงินบริจาคนั้นหักลดหย่อนได้ตามจริง (รวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ด้วย) แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว
อ้างอิงข้อมูลจาก
แถลงข่าวของกรมสรรพากร
เอกสารเลขที่ ปชส. 68/2554 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2554
http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/images/image_news/news68_2554.pdf
2. ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากรเท่าจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคตามมาตรา 47 (7) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนนั้น
อ้างอิงข้อมูลจาก
มาตรา 5 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 527) พ.ศ. 2554
http://www.rd.go.th/publish/45073.0.html
3. ให้ยกเว้นสำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากรเป็นจำนวนร้อยละ 50 ของเงินที่บริจาค โดยคิดคำนวณเพิ่มขึ้นจากจำนวนเงินบริจาคตามมาตรา 47 (7) แห่งประมวลรัษฎากร หรือเงินบริจาคที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามข้อ 2 (70) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 253 (พ.ศ. 2548) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร หรือเงินบริจาคตามมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 527) พ.ศ. 2554 แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินบริจาคตามมาตรา 47 (7) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนนั้น
อ้างอิงข้อมูลจาก
มาตรา 3 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 529) พ.ศ. 2554
http://www.rd.go.th/publish/28272.0.html
สรุป:
1. ต้องบริจาคเป็น “เงิน” เท่านั้น
2. ได้รับสิทธิลดหย่อนตามจริงและได้รับยกเว้นเพิ่มอีกร้อยละ 50 ของเงินบริจาค รวมเป็น 1.5 เท่าของเงินทีบริจาค แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ
3. สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554
4. ต้องมีหลักฐาน (หนังสือแสดงการรับเงิน) หรือ สลิปโอนเงินของธนาคาร
5. การบริจาคต้องผ่านทางหน่วยงานราชการหรือตัวแทนรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เวปไซด์กรมสรรพากร
http://www.rd.go.th/publish/fileadmin//user_upload/morkor/FloodDonorRep6_230155.pdf
สำหรับในส่วนของเงินที่บริจาคแก่สถานพยาบาลและสถานศึกษาของราชการ กับ เงินบริจาคเป็นสาธารณประโยชน์แก่องค์การหรือสถานสาธารณกุศล ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 47(7) แห่งประมวลรัษฎากรนั้น สามารถหาอ่านได้จากตอนแรกที่เขียนไป จากลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
ติดตามพรี่หนอม TAXBugnoms 