รายได้จาก Stock Photo ต้องเสียภาษีหรือไม่
เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมานั้น ผมเคยเขียนบทความสั้นๆไว้เกี่ยวกับเรื่องรายได้ทางอินเตอร์เน็ตว่าต้องเสียภาษีหรือไม่ เนื่องจากทางกรมสรรพากร
และข้อกฎหมายเองยังไม่มีการตีความที่ชัดเจนในเรื่องนี้ครับ จึงเป็นการตีความของผมเองฝ่ายเดียว ซึ่งไม่สามารถนำไปอ้างอิงตามกฎหมายได้นะครับ
หากใครสนใจก็คลิกอ่านได้ที่นี่นะครับ
http://tax.bugnoms.com/journal/internet-marketer-should-pay-tax/
แต่ในช่วงปีที่ผ่านๆมานี้ ผมพบว่า รายได้ทางอินเตอร์เน็ตจากการถ่ายภาพหรือที่เรียกกันว่า StockPhoto กำลังเป็นที่นิยมในบรรดาช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ซึ่งก็เป็นที่น่าสงสัยเหมือนกันว่า รายได้ในส่วนนี้ต้องเสียภาษีหรือไม่ และมีวิธีคิดหรือพิจารณาที่ต่างกันกับรายได้ทางอินเตอร์เน็ตประเภทอื่นๆหรือไม่ อย่างไร ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจง่ายๆ ผมขอสรุปเนื้อหาตามตัวบทกฎหมายออกเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ
1. รายได้จาก Stock Photo ถือเป็นเงินได้ประเภทใด
รายได้ดังกล่าวถือเป็น เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 3 คือ ค่าลิขสิทธิ์ เนื่องจากทางตัวแทนที่ขายภาพ (Agent) ของ StockPhoto ไม่ได้รับลิขสิทธิ์ในรูปภาพนี้ นอกจากการมีสิทธิในการขายรูปภาพให้กับลูกค้าเพื่อนำไปใช้งานเท่านั้น
รายได้ดังกล่าวที่ต้องนำมายื่นแสดงภาษีเงินได้นั้น สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 60,000 บาท คือ สามารถหักเป็นการเหมาได้ร้อยละ 40 ของค่าลิขสิทธิ์น้นแต่ไม่เกิน 60,000 บาท
อ้างอิงจาก
http://www.rd.go.th/publish/553.0.html
http://www.rd.go.th/publish/556.0.html
http://www.rd.go.th/publish/43068.0.html
2. เงินได้จาก Stock Photo ที่ได้รับจากต่างประเทศนั้น ต้องนำมาคำนวณภาษีหรือไม่
เงินได้ดังกล่าวต้องนำมารวมคำนวณภาษี เนื่องจากเป็นไปตามหลักการ “ถิ่นที่อยู่” ซึ่งหมายถึง ผู้มีเงินได้เกิดจากแหล่งนอกประเทศจะต้องเสียภาษีเงินได้ ในประเทศไทยก็ต่อเมื่อเข้าองค์ประกอบทั้ง 2 ประการ ดังต่อไปนี้
(1) ผู้มีเงินได้เป็น ผู้อยู่ในประเทศไทย ในปีภาษีนั้นชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลา รวมทั้งหมดถึง 180 วัน และ
(2) ผู้มีเงินได้ นำเงินได้นั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีนั้นด้วย
ข้อสังเกตในกรณีนี้ก็คือว่า ถ้าอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 180 วันในและได้มีการนำรายได้นั้นเข้ามาในประเทศในปีนั้น ซึ่งผมตีความเองว่าหมายถึงการเบิกเงินเข้ามาในประเทศ เช่น ในปี 2554 มีเงินได้จาก StockPhoto และในปี 2554 ได้เบิกเงินดังกล่าวเข้าบัญชีธนาคารในประเทศ ก็เข้าข่ายที่จะต้องนำเงินส่วนนี้มาคำนวณภาษีครับ
ซึ่งแปลว่าถ้าเรายังไม่ได้โอนเงิน StockPhoto ต่างๆ หรือจาก PAYPAL ก็แปลว่าเงินได้ส่วนนี้ไม่ต้องเอามาคำนวณภาษีในระหว่างปีครับ…
อ้างอิงจาก
3. กรณีภาษีเงินได้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้จากต่างประเทศ
รายได้จาก StockPhoto (ค่าสิทธิในการใช้ภาพถ่าย) ในส่วนที่ได้รับจากสหรัฐอเมริกา จะถูกหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไว้ ตามอนุสัญญาภาษีซ้อนไทย – สหรัฐอเมริกาข้อ 12 ได้กำหนดให้ภาษีที่เรียกเก็บจะต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนค่าสิทธิทั้งสิ้น ตามที่ได้ระบุในอนุวรรค (ค) ของวรรค 3 ซึ่งหมายความถึง เพื่อการใช้หรือสิทธิในการใช้ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า แบบหรือหุ่นจำลอง แผนผังสูตรลับหรือกรรมวิธีลับใด ๆ หรือเพื่อข้อสนเทศเกี่ยวกับประสบการณ์ทางอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือทางวิทยาศาสตร์คำว่า “ค่าสิทธิ” จะรวมถึงผลได้ที่ได้รับจากการจำหน่ายสิทธิหรือทรัพย์สินใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับการผลิต การใช้ หรือการมอบให้ดังกล่าว
(การตีความดังกล่าวนั้น ผมได้สอบถามจากผู้ที่มีรายได้จากทาง Stockphoto แล้วพบว่า ในส่วนของเงินได้ที่ได้รับจากทางสหรัฐอเมริกานั้น จะถูกหักภาษีไว้ 15% ส่วนรายได้จากการจำหน่ายสิทธิให้แก่ลูกค้าในประเทศอื่นนั้น จะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้)
ซึ่งแปลว่ารายได้ที่เราได้รับนั้น ทาง StockPhoto ได้หักไว้แล้ว 15% (ในส่วนของ US) เช่นรายได้ 100$ เราจะถูกหักไว้ 15$ และได้รับเงินได้สุทธิ 85$ แต่เวลาที่เรานำมายื่นแสดงเป็นรายได้ในการคำนวณภาษีนั้น เราจะต้องยื่นยอดรายได้ก่อนหัก คือ 100$ ไม่ใช่ 85$
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการป้องกันภาระภาษีซ้ำซ้อนนั้น แปลว่า ภาษีที่เราถูกหักไปนั้น จะสามารถนำมาเป็นเครดิตภาษีในการเสียภาษีเงินได้ของเราได้ครับ ซึ่งได้ระบุไว้ในข้อ 2. ในอนุสัญญาภาษีซ้อนไทย – สหรัฐอเมริกา ข้อ 25 เรื่องการบรรเทาภาระจากภาษีซ้อน ดังนี้
2. ตามบทบัญญัติและภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมายของประเทศไทย (ซึ่งอาจจะแก้ไขเป็นครั้งคราวโดยไม่เปลี่ยนแปลงหลักการสำคัญที่เกี่ยวข้อง) ภาษีสหรัฐที่ต้องชำระในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินได้เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐจะยอมให้ถือเป็นเครดิตต่อภาษีไทยที่ต้องชำระในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินได้นั้น เครดิตนั้นจะไม่เกินส่วนของภาษีไทยที่คำนวณไว้ก่อนการให้เครดิตตามจำนวนที่เหมาะสมจากรายการเงินได้นั้น บทบัญญัติของวรรคนี้ จะไม่ใช้บังคับในกรณีของเงินได้ที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามอนุสัญญานี้ภายใต้บทบัญญัติของข้อ 18 (การจำกัดสิทธิประโยชน์)
อ้างอิงจาก
http://www.rd.go.th/publish/2662.0.html#article12
http://www.rd.go.th/publish/2660.0.html#article25
4. แล้วหาก ถอน (นำเงิน) เข้ามาในประเทศไทย น้อยกว่ารายได้จริง จะใช้ภาษีเงินได้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายมาคำนวณเงินได้อย่างไร
ความเห็นส่วนตัวของผมนั้น คิดว่า เราสามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด เนื่องจากรายได้ของเรามีทั้งในส่วนของ US และ NON-US ซึ่งไม่สามารถแยกได้ว่าเงินที่เบิกออกมานั้น เป็นเงินได้จากที่ไหน เพื่อความสะดวกแล้วผมมองว่า สามารถนำมาใช้ได้เต็มจำนวน แต่ผู้ที่มีเงินได้นั้น ต้องมีหลักฐานในการถูกหัก ณ ที่จ่ายครบถ้วนด้วยนะครับ จึงจะสามารถนำภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายส่วนนั้นมาใช้ได้
ทั้งหมดที่ตีความมาข้างต้นนี้ ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฏหมายได้ อาจจะผิดหรือถูกก็ได้ หรือหากได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง จะนำมาแก้ไขต่อไปครับ …
5. มีคนแนะนำมาว่า ให้สรุปวิธีการยื่นแบบเป็นขั้นตอนง่ายๆ สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องภาษีหน่อย ว่าควรจะทำอย่างไรบ้าง ผมแนะนำให้ตรวจสอบและทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ
1) รายได้ที่นำมายื่นแบบ ถือเป็นเงินได้ประเภท 40(3) โดยให้เอาจากเงินที่เราเบิกในปีนั้นๆ แต่ถ้าหาไม่ได้แนะนำให้เอารายได้ทั้งหมดครับ
2) คำนวณหักลดหย่อนค่าใช้จ่าย(ลิขสิทธิ์) ได้ 40% ของรายได้แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ส่วนที่เหลือนำมาหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ ตามสิทธิตามกฎหมาย
3) นำรายได้สุทธิมาคำนวณภาษี เมื่อคำนวณได้เท่าไรให้นำเอาภาษีเงินได้ที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายที่มีเอกสารหลักฐานจากทาง StockPhoto เฉพาะส่วนที่มีหลักฐานการหักชัดเจน และเก็บไว้เป็นหลักฐานเผื่อถูกเรียกตรวจสอบ
4) หลังจากคำนวณเสร็จแล้ว ได้ส่วนต่างของภาษีที่ต้องชำระเท่าไรให้ชำระเพิ่ม แต่ถ้าภาษีที่ชำระไว้เกินไม่ควรขอคืน
อย่างไรก็ตามข้อมูลทั้งหมดนี้ ผมขอเน้นย้ำไว้อีกครั้งว่า เป็นการสรุปและตีความเองตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและความเข้าใจของผม ซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาดได้ หากท่านใดทราบข้อมูลที่ถูกต้อง รบกวนแจ้งข้อมูลให้ผมเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงให้ถูกต้องต่อไปนะครับ
สุดท้ายนี้ ถ้าหากทุกท่านมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว อยากให้ไปช่วยกันเสียภาษีกันครับ เพราะเป็นหน้าที่ของพลเมืองชาวไทยทุกคนครับ และตัวเราจะภูมิใจว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมน่าอยู่ครับ