ผลกระทบจากการ “ยกเลิก” คณะบุคคล
เมื่อวันก่อน (9 เมษายน 2555) ผมได้อ่านข่าวจากทางหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการยกเลิกคณะบุคคล ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปก็คือ ทางสรรพากรมองว่าตลอดเวลาที่ผ่านนั้น ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาบางส่วนมีการหลบเลี่ยงภาษีเงินได้ โดยจัดตั้งเป็นคณะบุคคลแทน ทำให้สามารถนำรายได้ของผู้ที่ร่วมจดทะเบียนจัดตั้งมาแยกยื่นเสียภาษีกับรายได้ปกติได้ ซึ่งเป็นช่องโหว่ในการจัดเก็บภาษี และอธิบดีสรรพากรให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ไว้ว่า…
“คณะบุคคลควรจะมีการปิดตาย และควรเลิกได้แล้ว เพื่อปิดช่องของการหลีกเลี่ยงภาษีของคณะบุคคล ก็จะปรับแก้ไขให้ผู้ที่ร่วมเป็นคณะบุคคล ต้องนำรายได้มาคำนวณกับรายได้ปกติ เพื่อยื่นชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นรายบุคคลด้วย ซึ่งเดิมกฎหมายระบุว่า รายได้ของผู้ที่ร่วมจดทะเบียนจัดตั้งคณะบุคคล เพื่อประกอบธุรกิจใด ๆ ให้แยกยื่นเสียภาษีกับรายได้ปกติ ส่งผลให้ภาระภาษีลดลง ทำให้มีการไปจัดตั้งคณะบุคคลกันมากในช่วงที่ผ่านมา”
ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมนั้น การที่คนส่วนใหญ่มองว่าการที่แบ่งรายได้ของตัวเองให้กับคณะบุคคล เป็นการ “วางแผนภาษี” เพื่อที่จะกระจายฐานรายได้ และส่งผลให้ภาระภาษีลดลงนั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้ว วิธีการดังกล่าว “ขัดแย้ง” กับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งคณะบุคคลอยู่จุดหนึ่งครับ
เนื่องจาก คำว่า “คณะบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาตั้งแต่สองคน ขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน แต่ “ไม่มีวัตถุประสงค์จะแบ่งปันผลกำไร” ที่ได้จากกิจการที่ทำนั้น ซึ่งตรงข้ามกับ “ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล” ซึ่งหมายถึง บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปได้ตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะ “แบ่งปันกำไร” อันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้น
แต่อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดตั้ง “คณะบุคคล” เพื่อวางแผนภาษีเป็นส่วนใหญ่นั้น ต้องการ “แบ่งปัน” ผลกำไร จึงทำให้สภาพที่แท้จริงของคณะบุคคลเหล่านี้ กลายเป็น “ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล” ไปโดยปริยาย ซึ่งทางสรรพากรก็มีการตอบแนวข้อหารือดังกล่าวไว้บ้างแล้วว่า หากบุคคลธรรมดาได้เข้าร่วมกันจด “คณะบุคคล” เพื่อต้องการจะแบ่งปันผลกำไรแล้ว จะถือว่าเป็น “ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคล” ทันที
จากหัวข้อข่าวที่กล่าวถึง การยกเลิกคณะบุคคลนั้น จะต้องมีการแก้กฎหมาย ผ่านทางสภาฯ ซึ่งคงจะดำเนินได้ค่อนข้างยาก (ความเห็นส่วนตัว) และต้องใช้เวลานานมาก รวมถึงต้องพิจารณาด้วยว่า เมื่อยกเลิกคณะบุคคลแล้ว จะต้องยกเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนด้วยหรือไม่ เนื่องจากการตีความของการจัดตั้งก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
อย่างไรก็ตาม การแก้กฎหมายดังกล่าวเพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีนั้นเป็นเรื่องที่ดี (หากสามารถกระทำได้) แต่ประเด็นสำคัญที่เราลืมกันไป คือ การสร้างจิตสำนึกให้ผู้เสียภาษีทุกคน มองว่า เป็น “หน้าที่” ของพลเมือง ที่ต้องเสียภาษี และเงินภาษีที่ได้จ่ายออกไปนั้น ได้นำมาไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่หรือไม่ มีตกหล่นกลางทางไปบ้างหรือไม่ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ควรกระทำมากกว่าการแก้กฎหมายเพื่ออุดรูรั่วเสียอีกครับ
หากสนใจเนื้อหาและรายละเอียดของข่าวเพิ่มเติม สามารถหาอ่านได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1333954680&grpid=00&catid=no
http://www.thaipost.net/news/090412/55215
http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9550000044385
ส่วนเรื่องข้อหารือของคณะบุคคล ผมอ้างอิงจากนี้ครับ