fbpx

[ภาษี] เค้าจะขึ้น VAT กันจริงๆหรอ พี่ชายยยยยยยยยย!!!

โพสต์เมื่อ: 24 เม.ย. 2014

ป้ายกำกับ: , ,


เนื่องด้วยข่าวร้อนประเด็นฮอตของวันนี้ที่ @TAXBugnoms ได้เห็นผ่านตาจากทางหน้า Facebook ว่า ทางรัฐบาล (รักษาการ) อาจจะมีการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาปรับลดอัตราภาษีที่กำลังจะสิ้นสุดลงในช่วงเดือนกันยายน 2557 นี้เอง

ตอนแรกก็ตกกะใจว่า อะไรกัน!!จะมีใครตัดสินใจขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มกันจริงๆหรือนี่ แต่เมื่อค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วจึงเข้าใจว่าตัวเองเข้าใจผิดไปหลายเรื่อง ดังนั้นขอถือโอกาสอันดีแนะนำและอธิบายความรู้ในนี้ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้ฟังกันเลยคร้าบ

ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

ตัวอย่างพาดหัวข่าวล่าสุด (เวปไซด์ผู้จัดการ)

นอกจากนั้นยังมีอีกหลายๆสำนักที่พาดหัวข่าวทำนองว่า “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เผย รัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณาขึ้น“กิตติรัตน์” เผยรัฐบาลเล็งขึ้นVATเป็น10% VAT เป็น 10% หรือไม่หลังครบระยะเวลาลดภาษี 7% เดือน ก.ย.นี้” หรือ  รมว.คลัง รับรัฐบาลกำลังดูขึ้นภาษี VAT จาก 7 เป็น 10%”  

หรือ “กิตติรัตน์” เผยรัฐบาลเล็งขึ้นVATเป็น10%” ซึ่งเมื่ออ่านพาดหัวข่าวจบแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนเกิดอาการใจสยิวขึ้นมาว่า “เอาแล้ว .. มาแล้ว” ใช่ไหมคร้าบ (อิอิ) แต่ทว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เรามาไล่ดูกันไปเลยดีกว่าคร้าบ

อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มประเทศไทยที่แท้จริงคือ “ร้อยละ 10”

ก่อนจะพูดว่าขึ้นไม่ขึ้น ขออธิบายในลำดับแรกก่อนว่า ตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฏากรได้กำหนดให้ใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 เพื่อการคำนวณภาษีสำหรับการประกอบกิจการขาย ให้บริการ และการนำเข้า โดยสามารถปรับให้ลดลงได้ผ่านการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งพระราชกฤษฏีกาฉบับที่ 549 ได้ประกาศปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลดลงเหลือเพียง 6.3% เท่านั้น

อะอะอ้าว… ปรับลดลงเหลือ 6.3% แล้วทำไมเราต้องเสีย 7% ด้วยล่ะ! นั่นเพราะว่าเรายังต้องเสียภาษีอีกส่วนหนึ่งให้แก่ท้องถิ่นในอัตรา 1/9 ของภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บตามบทบัญญัติของกฎหมายปกครองส่วนท้องถิ่น จึงทำให้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มกลายเป็น 7%

แต่ทว่า.. พระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 549 กำหนดสิทธิในการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557 เท่านั้น และนั่นแปลว่าถ้าไม่มีการตราพระราชกฤษฏีกาฉบับใหม่เพื่อลดอัตราภาษีต่อไป เราจะได้กลับไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เย่…. ดีใจกันไหมครับพี่น้อง (มีแต่เสียงเงียบกริบ TwT)

แล้วรัฐบาลมัวทำอะไรอยู่ล่ะคะ!!

ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันรัฐบาลนี้ ทำหน้าที่เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ได้ระบุว่า คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่รักษาการอยู่ จะปฏิบัติหน้าที่ ได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ดังต่อไปนี้

(1) ไม่กระทำการอันเป็นการใช้อำนาจแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน

(2) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน

(3) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป

(4) ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งและไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด

อ๊ะ!!! เมื่ออ่านข้อ (3) ดีๆ เราจะพบว่าการออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นอาจจะเข้าข่าย “มีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป” เนื่องจากการออกพระราชกฤษฏีกาฉบับใหม่นี้ ย่อมจะมีผลผูกพันต่อจากนี้ไปอีก 2 ปี ซึงตอนนี้เราทุกคนก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลที่มาใหม่จะเป็นใคร แต่การปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นอาจจะส่งผลกระทบได้หรือไม่ จึงทำให้รัฐบาลรักษาการต้องจัดการพิจารณาและยื่นเรื่องให้ กกต. เป็นผู้อนุมัติว่าการออกกฎหมายสำหรับเรื่องนี้จะทำได้หรือไม่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และเราทุกคนคงต้องรอดูกันต่อไปครับ

ขอสารภาพตรงๆ ณ จุดนี้ว่า ในตอนแรกที่ตัวผมเองเห็นข่าวแล้วก็เกิดความเข้าใจผิดเช่นเดียวกันว่าจะมี การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่เมื่อมาดูในรายละเอียดของข้อกฎหมาย และ Facebook Page “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รักษาการณ์) ซึ่งได้ให้ข้อมูล (ที่ไม่ตรงกับพาดหัวข่าว) ว่า…

“นอกจากนี้ ในเรื่องของอัตราภาษี VAT ซึ่งปัจจุบันได้มี พรฎ.ปรับลดอัตราภาษี VAT ประกาศใช้ทุกสองปี และ พรฎ.ปรับลดอัตราภาษี VAT ฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันที่ 30 กันยายน อันจะทำให้อัตราภาษี VAT เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 นั้น คณะรัฐมนตรีจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อต่ออายุ พรฎ.ดังกล่าวเพื่อให้คงอัตราภาษี VAT ในอัตราร้อยละ 7 ไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ก่อนนำเสนอต่อ กกต.เพื่อพิจารณาอนุมัติ”

ภาษีมูลค่าเพิ่ม

และจากข้่อมูลทั้งหมดนี้ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ คงพอสบายใจได้ระดับนึงนะครับว่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT นั้นยังไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้น” แต่นอกจากนั้นเรายังได้แง่คิดอีกด้วยว่า ข่าวที่เค้าว่าๆกันมานั้นมันอาจจะไม่ใช่ข่าวจริงก็ได้นะเธอว์ ถ้าไม่อ่านให้ละเอียดแล้วล่ะก็ เราอาจจะพลาดได้ อย่างตัวอย่างนาย @TAXBugnoms ก็เผลอเข้าใจผิดไปเช่นเดียวกันจนเกือบจะทำแชร์ข้อมูลผิดๆไปอีกคน เฮ้อ… เกือบไปแล้วซิเรา

Update เพิ่มเติมวันที่ 17 กรกฎาคม 2557

เมื่อเวลาผ่านไป ขอเพิ่มเติมข้อมูลเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มอีกสักเล็กน้อยครับ…

เมื่อเวลา 20.36 น.ของวันนี้…

มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 92/2557 เรื่อง การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม มีรายละเอียดดังนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 549) พ.ศ. 2555

ข้อ 2 ให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตรา ดังต่อไปนี้

(1) ร้อยละหกจุดสาม สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดชอบในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558

(2) ร้อยละเก้า สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดชอบในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป

ข้อ 3 ให้ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้มีผลใช้บังคับเช่นเดียวกับพระราชกฤษฎีกาออกตามความในมาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญตัแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534

ข้อ 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้

ข้อ 5 ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ 2557 เป็นต้นไป

สรุปอีกครั้งสำหรับกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม จากประกาศคสช.ให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นร้อยละ 6.3 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ถึง 30 กันยายน 2558

ความหมายของประกาศฉบับนี้ .. ยังไม่รวมหน้าที่กรมสรรพากรในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแทนราชการส่วนท้องถิ่น ในอัตรา 1 ใน 9 ของอัตราภาษีที่จัดเก็บ หรือ 1/9 ของ ร้อยละ 6.3  ดังนั้น กรมสรรพากรต้องจัดเก็บในอัตราร้อย 6.3 + 0.7 รวมเป็นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้นร้อยละ 7.0 เท่าเดิมครับ

ส่วนคำว่า “ร้อยละเก้า สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดชอบในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป” 

ถ้าหากปีหน้า (2558) ไม่มีการประกาศลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มต่อ จะกลับมาเป็นอัตราร้อยละ 9 + ภาษีท้องถื่น อีกร้อยละ 1 และกลายเป็น ร้อยละ 10 คร้าบบบ

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy