[ภาษีง่ายโพดๆ] ตอนที่ 22 : ลดหย่อนนู่นนั่นนี่โน่นเพื่อลดภาษีดีไหมเธอว์
เนื่องจาก @TAXBugnoms ติดภารกิจในช่วงนี้ เลยไม่ได้อัพเดทซีรีย์ “ภาษีง่ายโพดๆ” ไปเสียพักใหญ่ กลับมาในตอนนี้ ขออนุญาตอธิบายเรื่องการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้เข้าใจกันอีกสักนิด เพราะช่วงนี้เห็นมีหลายๆคนถามกันมาทางหลังไมค์ว่า จะซื้อประกันเพื่อลดภาษีดีไหม หรือซื้อ LTF , RMF เพื่อลดภาษีดีหรือเปล่าน้อออ ไอ้เราก็ตอบไปทันทีว่า ดีครับ ดีครับ แหม่… แต่ว่ามันดีจริงๆหรือเธอว์
ก่อนอื่นต้องขอปรับความเข้าใจก่อนว่า การซื้ออะไรเหล่านี้นั้น ไม่ใช่ซื้อแล้วลดภาษีได้เลยนะครับ จ่ายเงินค่าเบี้ยประกันไป 100,000 บาทปุ๊บ ลดภาษีได้ปั้บ 100,000 บาททันที โถ่คุณพี่!! ลดภาษีไม่ใช่โปรโมชั่นนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้ว เราจะประหยัดภาษีได้ “ตามสัดส่วนของอัตราภาษีที่เราต้องเสีย” เท่านั้น!
จากวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกตินั้น คำนวณจากเงินได้สุทธิ ซึ่งมาจาก รายได้ หักด้วยค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน ก่อนที่จะคำนวณภาษี
หลักการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษีเงินได้
ตัวอย่างใน ตอนที่ 18 จากนายเห่า (เพื่อนรักของนายป่าน) ผู้เป็นมนุษย์เงินเดือน ได้รับเงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท ถ้าอยากแซบว่านายเห่าจะคำนวณภาษีอย่างไรบ้าง เรามาดูกันทีละขั้นตอนอีกทีจ้า
การคำนวณรายได้
รายได้
- เงินเดือน X 12 เดือน
– 30,000 x 12 = 360,000 บาท
การคำนวณค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่าย
- กฎหมายให้หักค่าใช้จ่ายได้ 40% ของรายได้ (แต่ไม่เกิน 60,000 บาท)
- 40% x 360,000 = 144,000 ได้สูงสุด 60,000 บาท
การคำนวณค่าลดหย่อน
ค่าลดหย่อน (กรณีนายเห่ายังไม่มีค่าลดหย่อนใดๆ)
- กฎหมายให้หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 30,000 บาท
สรุปเงินได้สุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
360,000 – 60,000 – 30,000 = 270,000 บาท
คำนวณภาษีตามอัตราใหม่ (ตามภาพ)
เราจะเห็นว่า…
– เงินได้ขั้นแรก 0 -150,000 บาทแรก = ยกเว้นภาษี
- เงินได้ขั้นที่สอง 150,001 – 300,000 บาท คิดอัตราภาษี 5%
คำนวณโดย
- นำ 270,000 – 150,000 = 120,000 บาท
- 120,000 X 5% = 6,000 บาท
จากตัวอย่างเราจะเห็นว่า “เงินได้สุทธิ” ของนายเห่ามีจำนวน 120,000 บาท และถ้าหากนายเห่าตัดสินใจซื้อประกันชีวิตจำนวน 100,000 บาท นั่นแปลว่า เงินได้สุทธิของนายเห่าจะลดลง 100,000 บาทเหลือ 20,000 บาท ดังนี้ครับ
คำนวณภาษีโดย
- นำ 270,000 – 100,000 – 150,000 = 20,000 บาท
- 20,000 x 5% = 1,000 บาท
จะเห็นว่าการซื้อประกันชีวิตจำนวน 100,000 บาทนั้นสามารถประหยัดภาษีได้เพียง 5,000 บาท หรือคิดเป็น 5% ตามอัตราภาษีคูณด้วยเงินจำนวนประกันชีวิตที่หักได้ครับ
ดังนั้นการประหยัดภาษีนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เราจ่ายไป แต่ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของอัตราภาษีที่เราต้องเสียต่างหากครับ หลายๆคนมักจะเข้าใจผิดตรงนี้ครับ
ดังนั้น .. เราสรุปผลสั้นๆ กันตรงนี้ได้สองข้อครับว่า
1. ค่าลดหย่อนช่วยประหยัดภาษี ได้ตามอัตราภาษีที่เราต้องเสีย
2. ยิ่งเราเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น การมีค่าลดหย่อนมากขึ้นจะยิ่งช่วยให้ประหยัดภาษีได้มากขึ้น เช่น คนที่เสียภาษีในอัตรา 30% การซื้อประกันชีวิตจำนวน 100,000 บาทย่อมจะประหยัดภาษีได้ถึง 30,000 บาท แต่ในขณะเดียวกันถ้าเสียภาษีในอัตรา 5% การซื้อประกันชีวิตจำนวนเท่ากันจะประหยัดภาษีได้เพียง 5,000 บาท
สุดท้ายแล้ว… หวังว่าบทความนี้คงช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้นนะครับ ^^