[การเงิน] มีเงินเก็บเดือนละพัน!! เอามามันส์กับหุ้นดีฝ่า!!
จากบทความล่าสุดเรื่อง “มีเงินเก็บเดือนละพัน เอาไปลงทุนมันส์ๆในอะไรดี” ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากชาวโซเชี่ยลลลลลลล พร้อมๆกับได้รับคำถามมากมายทั้งทางหน้าไมค์และหลังไมค์ โดยเรื่องที่ถามกันมามากที่สุดนั้น คือเรื่อง “การออมหุ้น” ว่าต้องทำแบบไหนยังไงบ้าง เลยทำให้เกิดบทความภาคต่อที่มีชื่อว่า “มีเงินเก็บเดือนละพัน เอามามันส์กับหุ้นดีฝ่า” ซึ่งเขียนขึ้นจากเรื่องจริงและชีวิตจริงของนาย @TAXBugnoms แบบไม่ต้องแอบอิงนิยายแต่อย่างใด เรียกได้เลยว่า “เล่นจริงเจ็บจริง” กันเลยทีเดียว
เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ สังเกตไหมครับว่าในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ เวลาเจอหน้าใครๆ ก็มักจะได้ยินคำชวนให้ลอง “เล่นหุ้น” ดูบ้าง อารมณ์ประมาณว่า… “กำไรดีนะเธอว์ นี่ชั้นว่าจะลาออกจากงานเล่นหุ้นมันซะเบย” หรือ บางครั้งแอบเห็นเพื่อนๆหลายคน โชว์พอร์ทให้ดูผลตอบแทนที่ผ่านมา แหม่ … กำไรกัน 100% – 200% เลยทีเดียว โอ้วววมายก็อตตตตต ทำกันได้อย่างไร!!!
“ลอง XXX เด้ … ง่ายๆนะ ซื้อขาย วันสองวันก็ได้กำไรแล้ว”
“วันนี้จัด XXX มาสามไม้ แหม่ กำไร 20% ในวันเดียว”
“ตัวนี้น่าเข้าไหมวะ?” “ราคาเป้าหมายเท่าไร” บลาๆๆๆๆ
“เนี่ยตัวเนี้ย Ku วิเคราะห์มานานแล้ว กะว่าสัก XX บาทก็จะขาย ซื้อเลยๆๆๆ ไม่ขาดทุนแน่นอน”
“โบรกให้ราคาเป้าหมาย XX บาท แนวรับ X บาท แนวต้าน XXX บาท”
“ระบบซื้อขาย วิเคราะห์กราฟ สาบขุนพล ป้องกันความเสี่ยง แท่งเทียนไร้เทียมทาน”
อ้อ… เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะคร้าบ เพราะถ้าหากใครยอมรับว่าการลงทุนทุกชนิดนั้นล้วนมี “ความเสี่ยง” มันก็คงไม่แปลกแต่ที่สำคัญกว่าก็คือ เราต้อง “มีสติ” รู้ตัวว่า “กำลังทำอะไรอยู่” แต่ถ้าไม่มีสติ อันนี้หน้าจะแหก กระเป๋าตังค์จะแฟบโดยที่ไม่รู้ตัวน่ะคร้าบบบบบบ
แต่สำหรับคนที่ไม่มีเงินมากมายนัก หรือหวาดเสียวกับความเสี่ยงจนไม่สามารถที่จะลงทุนแบบนี้ได้ (ผมเองก็เป็นคนหนึ่งในนั้น TwT) บางคนคิดว่าตัวเองยังไม่มีความรู้ในการลงทุนเท่าไรนัก อาจจะเรียกได้ว่าอยู่ในระดับ “มือใหม่” ถ้ามัวแต่ลีลา จดๆจ้องๆหน้าจอคอมทั้งวันอาจจะเสียการเสียงานได้ บางครั้งตอนเช้ากำไรอยู่ดีๆ ตอนบ่ายดูอีกทีอ้าววว!! ขาดทุนซะงั้น เฮ้อออออออ (นี่มันเรื่องจริงของเม่าหนอมชัดๆ)
อย่างไรก็ตาม คนที่มีเงินน้อย แต่อยากจะลงทุนในหุ้นนั้น ปัจจุบันสามารถทำได้โดยผ่านโปรแกรมที่เรียกว่า “ออมหุ้น” จากทางบริษัทหลักทรัพย์ที่มี “โปรแกรมซื้อหุ้นรายเดือน” หรือ “โครงการออมหุ้น” ได้แก่
บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป
http://www.poems.in.th/SBP/
บริษัทหลักทรัพย์ซีไอเอ็มบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)
http://www.cimbsecurities.co.th/
ออมหุ้นคืออัลไล!!
สำหรับคนที่ยังสงสัยว่า การออมหุ้น คืออะไรนั้น การออมหุ้น คือ การซื้อหุ้นในทุกๆ เดือน โดยเลือกหุ้นที่เราจะซื้อตามรายชื่อที่ทางโบรกเกอร์กำหนดให้ เช่น นายเห่าเลือกออมหุ้น XXX เดือนละ 1,000บาท ทางโบรกเกอร์ก็จะไปซื้อหุ้น XXX อย่างละเท่าๆกันทุกเดือนมาให้นายเห่า โดยอาจจะได้หุ้นเป็นเศษหุ้น เช่น อาจจะได้หุ้น XXX สัก 34 หุ้น ส่วนโบรกเกอร์ก็ได้ค่าธรรมเนียมนิดๆหน่อยๆไป
การออมหุ้นจะอาศัยหลักการของ Dollar Cost Average (DCA) การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน โดยหลักการก็คือกำหนดวงเงินลงทุนเป็นงวดๆ งวดละเท่าๆกัน อาจลงทุนเป็น รายวัน รายเดือน รายสัปดาห์ หรือรายไตรมาส โดยที่ไม่สนใจว่าราคาหุ้นที่เราต้องการซื้อจะขึ้นหรือลง เป็นการลงทุนแบบอัตโนมัติไปเรื่อยๆ โดยตั้งเป้าหมายที่จำนวนเงินที่ต้องการลงทุนเป็นหลัก นั่นก็แปลว่าเมื่อหุ้นราคาตก เราก็มีโอกาสซื้อหุ้นได้ในจำนวนที่มากขึ้น และซื้อได้น้อยลงเมื่อหุ้นราคาสูงขึ้นไปแล้ว
โดยทางคุณ Tar Kawin Suwantragul กูรูเรื่องการ “ออมหุ้น” ของประเทศไทยเคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการออมหุ้นไว้ว่า…
วิธีนี้ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจกันมากขึ้นๆในตลาด ทางตลาดหลักทรัพย์ก็เข้ามาสนับสนุนแนวทางนี้ แนวทางนี้เป็นแนวทางลงทุนทางเลือกอย่างหนึ่งเท่านั้น ท่านไหนมีวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเองก็ลองพิจารณาตามสิ่งที่ตัวเองถนัดนะครับ อย่างที่ผมบอกว่าการลงทุนในลักษณะนี้เราต้องเลือกหุ้นเติบโตและเป้าหมายก็คือการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว หลายๆคนชอบหุ้นที่มีการจ่ายปันผลนะครับก็อาจจะใช้แนวทางนี้ในการสะสมหุ้นที่มีกำไรและแจกปันผลดีได้
สำหรับผมแล้ว วิธีการนี้ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับราคาหุ้น จะขึ้นจะลงบิดจะเบี้ยวยังไงผมปล่อยเลยครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกหุ้นให้ถูกต้อง การลงทุนแบบนี้ผมจะไม่ดูเรื่องค่า P/E P/BV อะไรทั้งสิ้นเพราะมันเปลี่ยนได้ทุกวัน สิ่งที่สำคัญเรื่องหนึ่งคือการเติบโตและกำไรที่เข้ามาในบริษัท เรื่องต่อมาคือความธรรมชาติของธุรกิจและกิจการ ท้ายสุดก็คือการประเมินความเสี่ยงในอนาคตธุรกิจดีๆอยู่ๆก็ตายได้เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนก็มีนะ ทุกอย่างผมจะพยายาม Scope ออกมาว่าหุ้นตัวไหนที่มันมีความสามารถทำกำไรได้และมีความสามารถเหนือคู่แข่งได้
การออมหุ้น คือ การทำ DCA (Dollar Cost Average) ส่วนการเลือกหุ้นก็ต้องหาหุ้นที่มี DCA (Durable Competitive Advantage) เช่นเดียวกัน มันมี 2 ปัจจัยหลักนี่ล่ะที่จะทำให้ประสบความสำเร็จระยะยาวได้ นอกจากนั้นคือเรื่องวินัยแล้วครับ ^^ ปกติผมจะใช้วิธีแบ่งเงินออกมาจากรายได้เลยนะครับ แล้วก็วางแผนลงทุนในหุ้นที่เป็นเป้าหมาย แบ่ง% ตามความเสียงตามงบประมาณเอา โดนส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นใหญ่ในตลาด ถ้าอันไหนมีบัญชีออมหุ้นทำได้จะทำเลยครับ หุ้นไหนที่ต้องทำเองผมก็ให้โบรกเคาะเศษให้
@TAXBugnoms ขออธิบายคำว่า ความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน (Durable Competitive Advantage) คือ ความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงกว่าคู่แข่ง และบริษัทสามารถรักษาระดับการทำกำไรอย่างนั้นได้เป็นเวลายาวนานโดยที่คู่แข่งไม่สามารถมาทำลายได้
ถ้าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนไหนที่สนใจเรื่องการลงทุนกับการออมหุ้น
ขอแนะนำ Page Tar Kawin Suwantragul
@TAXBugnoms กับการออมหุ้น
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเองได้ทดสอบออมหุ้นดูเหมือนกันครับ เริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อนจากเดือนละไม่กี่พันบาท จนมาถึงหลักหมื่นบาทต่อเดือน โดยผลการออมหุ้นที่ผ่านมาของผมนั้น มีทั้งหุ้นที่ได้กำไรสูงมากและขาดทุนผสมปนเปกันไป และที่เอามาให้ดูอย่างไม่อายแบบนี้ ก็เพราะว่าผมหน้าด้าน เอ้ย ไม่ใช่ครับ เพราะผมต้องการบอกว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ไม่ใช่ว่าเราจะได้กำไรเพียงอย่างเดียว อาจจะขาดทุนก็ได้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องหาหุ้นที่เราคิดว่าเป็น “หุ้นที่ดี” ให้พบ ร่วมกับการใช้ “วินัย” ในการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะการลงทุนนั้นเราไม่ได้ทำกันแค่ 1 วัน 1 เดือน 1 ปี แต่มันต้องทำซ้ำๆ ติดต่อกันไปอีกหลายปีๆ
สุดท้ายนี้…ขอทิ้งท้ายไว้สักนิด สำหรับคนที่กำลังคิดอยากลงทุนในหุ้นหรือ ออมหุ้น อย่าลืมนะครับว่าต้อง “คิด” ให้เยอะๆ สะสม “ความรู้” ให้มาก และที่สำคัญที่สุดต้องไม่ลืมความคิดที่ว่า “แค่เงินเดือนละพันก็ทำให้เรารวยได้” หากรู้จักวิธีการลงทุนอย่างถูกวิธี จริงไหมคร้าบบบบบบบ :)