เมื่อวาน @TAXBugnoms เขียนบทความลงเวปไซด์ @Aommoney ในหัวข้อ “วิธีมีเงินล้านใน 5 ปี” หลังจากนั้นได้รับ Comment และคำถามจากทางเพื่อนๆพี่ๆน้องๆหลังไมค์มาว่า “มันมีจริงๆหรือไอ้ผลตอบแทน 20% – 40% ต่อปี”

ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนว่า วิธีการคำนวณดอกเบี้ยตามที่อธิบายในบทความ “วิธีมีเงินล้านใน 5 ปี” นั้น ใช้วิธีการคำนวณดอกเบี้ยแบบทบต้น หรือ ดอกเบี้ยของดอกเบี้ย ซึ่งถ้าหากใครไม่เข้าใจเรื่องดอกเบี้ยทบต้น แนะนำให้อ่านบทความซีรีย์การเงิน รวยได้ไม่ง้อพ่อ ตอนที่ 2 ก่อนนะคร้าบบบ

เอาล่ะครับ ทีนี้เรามาดูผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ของอัตราผลตอบแทนย้อนหลังของสินทรัพย์ต่างๆ บ้างครับว่ามีผลตอบแทนเฉลี่ยเท่าไรบ้าง โดยผลตอบแทนเฉลี่ยเราจะเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยย้อนหลัง 10 ปี สามารถทำผลตอบแทนย้อนหลังได้ถึง 17.31% ต่อปี

(ขอบคุณข้อมูลจากหมอนัท เพจ “คลินิกกองทุน” ด้วยนะครับ)

แต่ถ้าหากเราลองลงลึกไปดูที่ หุ้นรายตัว หรือ กองทุนรวมรายตัว ว่าผลตอบแทนนั้นจะเป็นอย่างไร มากหรือน้อยแค่ไหน จะได้เห็นชัดๆกันไปเลยว่า 20% ต่อปีนั้น เป็นผลตอบแทนที่ทำได้จริงไหม หรือว่าเป็นแค่เพ้อฝันกันไปวันๆเท่านั้นเอง (แฮร่)

ผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนรวม

สำหรับกองทุนรวม เมื่อลองเปรียบเทียบกองทุนย้อนหลังจำนวน 5 กองทุน ได้แก่ KFSDIV, 1AMSET50, ABSM, BTP และ MS-EQ Value เราจะเห็นว่าผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลังนั้นมีมากกว่า 25% ต่อปี

(ที่มา : WealthMagik.com)

ผลตอบแทนย้อนหลังของหุ้น

ส่วนหุ้นก็เช่นเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบหุ้นรายตัว 3 ตัว ได้แก่ MINT, BGH และ CPN เราจะเห็นว่าเมื่อคิดผลตอบแทนต่อปีแบบคร่าวๆ สำหรับคนที่ซื้อหุ้นเหล่านี้เมื่อ 5 ปีก่อน จะได้รับผลตอบแทนสูงมากตั้งแต่ 78% – 121% จากผลต่างของราคาหุ้น (Capital Gain) โดยที่ยังไม่รวมผลตอบแทนจากเงินปันผล

ความเห็นเพิ่มเติม

เมื่อคืนผมได้รับความเห็นเพิ่มเติมจาก “กูรูออมหุ้น” คุณ ตาร์ กวิน สุวรรณตระกูล ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมของโพสต์นี้ไว้ในแฟนเพจ Tar Kawin Suwantragul เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจครับว่า…

หุ้นมันเป็นเครื่องมือทางการเงินที่เติบโตได้ แต่มันมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องผสมพื้นฐาน ยิ่งระยะสั้นเท่าไหร่ยิ่งเข้าใกล้อารมณ์แต่ถ้าระยะยาวพื้นฐานผลการดำเนินงานมันเห็น ผลตอบแทนก็ย่อมเกิดที่ชัดเจนกว่า ระยะสั้นแล้วได้ 5% จากอารมณ์ มันจึงไม่ได้บอกระยะยาว 1,000% จากพื้นฐาน มีหุ้นในตลาดเยอะแยะที่ 10 ปี 1,000% ตกเฉลี่ยปีละ 100% มันก็มีทั้งเป็นไปได้ และทำไม่ได้ก็มี เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง การจะลดความเสี่ยงสุดท้ายมันจะกลับมาที่ความรู้ในการมองธุรกิจ

เพราะฉะนั้นองค์ประกอบที่จะทำให้เราได้ผลตอบแทนสูงๆมันต้องมาจากทั้งการเลือกหุ้นและการถือยาวเพื่อรอการเติบโตจากแผนธุรกิจ บางคนมาขอหุ้นผม ลงทุนไปได้แปป ขาดทุนบ้าง กำไรบ้างในกรอบ -5% +5% ก็มาบ่นว่าผลตอบแทนไม่เห็นเยอะอย่างที่คิด ก็แน่สิ ยังลงทุนไม่ครอบองค์ประกอบไง นี่ล่ะทำไมผมถึงไม่อยากบอกชื่อหุ้น เพราะบอกไปก็รู้กันอยู่ว่าหุ้นอะไรจะให้ผลตอบแทนเยอะๆ แค่มันอยากรวยเร็วแบบ ceiling 5 วันติดมากกว่า อันนั้นก็ไปเล่นกับอารมณ์ด้วยเทคนิคคอลหรือแทงหุ้นขึ้นลงดีกว่า สนุกดี ผมก็ติดดอยประจำ ถ้ากะจะซิ่งแบบนี่ มันไม่ใช่การลงทุนระยะยาว

เอาล่ะ ก็อยากฝากไว้ว่า ไม่มีใครเปิดบริษัทพนักงาน 2 คน ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาทมาวันแรกตัดริบบิ้นแล้วรายได้เข้า 200 ล้านหรอก นอกจากฟอกเงิน มันต้องใช้เวลาทั้งนั้น หุ้นก็เหมือนกัน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่โพสของคุณตาร์กวินด้านล่างนี้ครับ…
https://www.facebook.com/tartar1210page/posts/485216368248533

สรุปผล

ดังนั้นคำถามที่ว่าถามว่า ผลตอบแทน 20% – 40% นั้นมีจริงไหม คำตอบคือ “มีจริงครับ” ซึ่งหาได้จากตลาดหุ้นไทยและกองทุนรวมใกล้ๆตัวเรานี่แหละคร้าบบบบ และปัญหาต่อมาก็คือ ณ วันนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆที่เราเลือกนั้น จะมีค่าเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนในอนาคต เพราะผลตอบแทนในอดีตนั้นไม่สามารถยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคตได้ จริงไหมล่ะคร้าบบบบ

ถ้าหากวันนี้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆยังไม่รู้จะลงทุนอะไร การลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในวันนี้คือ ลงทุนในตัวเองก่อน เพราะในเวลาที่เท่ากัน คนที่มีความสามารถมากกว่า ย่อมสร้างผลตอบแทนได้มากกว่านั่นเอง

ท้ายที่สุดแล้ว การลงทุนในทุกอย่างๆนั้น เราต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่อง และคอยปรับเปลี่ยนการลงทุนให้ทันเวลา ร่วมกับการพัฒนากลยุทธ์และแผนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอนั่นแหละคร้าบบบบ