fbpx

รู้ไหม? ขาย RMF ก่อนครบกำหนดไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มนะจ๊ะ

โพสต์เมื่อ: 24 ก.ค. 2015

ป้ายกำกับ: , ,


@TAXBugnoms เคยได้ยินนักวางแผนการเงินหลายๆคน เคยพูดไว้ครับว่า “การวางแผนการเงินที่สำคัญที่สุด คือ การวางแผนเกษียณ” และถ้าถามต่อไปว่ามีวิธีไหนบ้างไหมที่สามารถจะวางแผนเกษียณและสามารถประหยัดภาษีได้ไปพร้อมๆกัน ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องกำลังนึกถึง กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ใช่ไหมครับ

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)  เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการออมเงินระยะยาวเพื่อการเกษียณ ในลักษณะเดียวกันกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แต่ว่าการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อนการเลี้ยงชีพนั้นมีเงื่อนไขทางด้านภาษีเพิ่มเติมมาดังนี้ครับ

จำนวนที่ซื้อ : ซื้อได้สูงสุด 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับจำนวนเงินที่สมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ ประกันแบบบำนาญ

เงื่อนไขในการซื้อ : ต้องซื้อติดต่อกันทุกปี โดยซื้อรวมกันทั้งปีแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 3% ของรายได้หรือ 5,000 บาท นอกจากนั้นยังต้องถือไว้เกินกว่า 5 ปี และมีอายุเกิน 55 ปี ถึงจะสามารถขายได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขทางกฎหมายครับ

เมื่อได้ยินว่าเงื่อนไขในการซื้อ RMF นั้นเยอะแยะมากมายขนาดนี้ บางคนอาจจะคิดว่าแบบนี้เราเลือกลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) แทนดีกว่า ด้วยเหตุผลทีว่า ถือครองไว้แค่เพียงระยะเวลาสั้นๆแค่ 5 ปีปฎิทิน (หรือเพียง 3 ปีกับอีก 2 วัน ถ้าซื้อวันที่ 30 ธันวาแล้วขายวันที่ 2 มกราคมของปีที่ครบกำหนด ^^) เปลี่ยนเงื่อนไขเป็น 7 ปีปฎิทินตั้งแต่ปี 2559 เผลอแป๊บเดียวก็สามารถขายเอาเงินและกำไรก็ออกมาโบยบินได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องถือยาวนานเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 5 ปีและถือไปจนกว่าอายุของเราจะครบ 55 ปี โห.. ชั้นจะอยู่ถึงเกษียณไหมเนี่ย (บางคนแอบคิดในใจ)

จะเห็นว่าปัญหาแรกในการลงทุน RMF นั้นคือเรื่องของระยะเวลาที่ยาวนานมากกก ผมเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะต้องการลงทุนไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเหตุผลต้องการประหยัดภาษี หรือวางแผนเกษียณก็ตาม  แต่คงคิดกลัวว่าบางครั้งแล้ว ตัวเองอาจจะมีเรื่องต้องใช้เงิน ถ้าลงทุนในนี้มากเกินป จะนำเงินมาหมุนก็ไม่ได้ เพราะติดที่เงื่อนไขตามกฎหมายที่ว่ามาข้างต้น

ส่วนหนึ่งคงต้องบอกก่อนนะครับว่าเกิดจากการวางแผนการเงินที่ผิดวิธี โดยการไม่มีวางแผนเรื่องเงินฉุกเฉินให้ชีวิต แต่ดันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่องถือครองเป็นระยะเวลายาวนานอย่าง RMF  แต่ถ้าหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงๆ ไอ้ที่บอกว่าเคยๆซื้อ RMF เก็บไว้ จะทำยังไงต่อไปนี้ จะรอให้บ้านถูกยึด รถถูกไฟแนนซ์ยก หรือว่าปล่อยให้ชีวิตซกมก หรอคะคุณหนอมมมม (หลายคนคงตั้งคำถามนี้ขึ้นมาแล้วใช่ไหมครับ)

สำหรับคำตอบเรื่องนี้นั้น ผมอยากบอกให้ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เพราะถ้าหากเรามีความจำเป็นต้องใช้เงินขึ้นมาจริงๆล่ะก็ มันก็มีวิธีตามกฎหมายของมันอยู่ เพราะเราสามารถเลือกที่จะ “ขาย RMF ก่อนกำหนดโดยที่ไม่ต้องเสียภาษี (เพิ่ม) ได้ด้วย” เพราะข้อเท็จจริงตามกฎหมายก็คือ RMF ที่ถูกขายก่อนกำหนดนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนดังนี้ครับ

LTFTMF

1. กรณีลงทุนไม่ถึง 5 ปี และมีการทำผิดเงื่อนไข : กรณีนี้ เราต้องคืนเงินภาษีทั้งหมดทุกปีที่ได้รับยกเว้นไป และนำกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital gain) ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้อีกต่อหนึ่ง ซึ่งทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ของกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนไว้ก่อน และเราสามารถเอาภาษีที่ถูกหักไว้นั้นไปเครดิตออกจากภาษีที่เราต้องเสียได้ครับ

2. กรณีที่ลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป และมีการทำผิดเงื่อนไข : กรณีนี้เราจะคืนแค่เงินภาษีที่ได้รับยกเว้นไปในช่วง 5 ปีย้อนหลังเท่านั้น แต่กำไรไม่ต้องนำมาคำนวณภาษีเหมือนกรณีที่ลงทุนไม่ถึง 5 ปี

อ้างอิง : ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 171) และ ข้อ 2(65) กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509)

โดยสิ่งหนึ่งที่ RMF นั้นมีข้อได้เปรียบกว่า LTF นั่นคือ การขายคืนก่อนกำหนดนั้นไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม (ดอกเบี้ย) ในอัตราร้อยละ 1.5% ต่อเดือนครับ (แต่ต้องรีบนำส่งภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป) เพราะการลงทุนใน RMF นั้นกำหนดเพียงแค่ว่าให้คืนภาษี 5 ปีย้อนหลังและเสียภาษีกำไรจากการขายเท่านั้น (นั่นแปลว่าถ้าขายขาดทุนก็ไม่เสียภาษีสินะ – ใช่ครับ)

อ้าววววว แบบนี้มันก็แปลว่าจริงๆแล้ว หากเราทำผิดเงื่อนไขในการลงทุนขึ้นมาจริงๆ แต่ถ้าเราลงทุนติดต่อกันเป็นระยะเวลาเกินกว่า 5 ปี สิ่งที่เราต้องคืนให้กับพี่ๆสรรพากรนั้นจะมีเพียงแค่ภาษีที่เคยประหยัดได้ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มอีกเลย

จริงอยู่ที่ว่า เราอาจจะมีเสียเวลาไปบ้างที่ต้องจัดการเรื่องการยื่นแบบแสดงรายการเพิ่มเติม  แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้ก็คือ การลงทุน RMF นั้นไม่ได้เสียอะไรมากมายและวุ่นวายอย่างที่เราคิด ถ้าหากเราตั้งใจและมีเป้าหมายในการลงทุนเป็นระยะเวลาที่นานเพียงพอ

สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่า บทความนี้เขียนขึ้นจากความต้องการให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน ตระหนักและสนใจในการวางแผนเกษียณของตัวเองพร้อมๆไปกับการประหยัดภาษี เพื่อให้ได้กำไรถึง 2 ต่อ ทั้งมีเงินเกษียณและลดภาษี และอย่าคิดว่าเงินจำนวนน้อยนิดนั้นไม่สำคัญ เพราะเงินน้อยแค่ไหนถ้าเราใส่ใจดูแลมันอย่างดีสักวันก็จะเป็นเงินมากได้เหมือนกันคร้าบ

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy