[Update] แนวทางพิจารณา “เหตุอันสมควร” สำหรับการประมาณภาษีครึ่งปี
วันนี้มีข่าวล่าสุด Update ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องฟังกันครับ หลังจากที่ @TAXBugnoms ได้เขียนบทความเรื่องการประมาณการภาษีเงินได้ครึ่งปีไว้เมื่อเดือนก่อน เพื่อเตือนให้เจ้าของกิจการทั้งหลายไม่พลาดที่จะต้องจ่าย เอ้ย ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาครึ่งปี (ภ.ง.ด. 51) ให้กับพี่ๆสรรพากรเป็นที่เรียบร้่อย ในบทความ “เปิดบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนทั้งที อย่าลืมยื่นแบบแสดงรายการภาษีกลางปีด้วยนะ” ซึ่งในบทความนี้ก็ได้พูดถึงสิ่งที่ต้องระวัง นั่นคือเรื่องของการประมาณการกำไรสุทธิขาดเกินไปกว่าร้อยละ 25 โดยไม่มีเหตุอันสมควรแล้วล่ะก็ เราจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระนั่นเองครับ
ซึงเดิมคำว่า “เหตุอันสมควร” นั้น กรมสรรพากรก็ได้ให้แนวทางตามคำสั่งที่ ป. 50/2537 ไว้ว่า ถ้ากิจการใดสามารถเลือกที่จะประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้ “ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง” ของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว จะถือว่าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสมควรทันที
ย้ำอีกทีนะครับว่า ตัวภาษีที่ใช้เปรียบเทียบตามแบบ ภ.ง.ด. 51 นั้น จะต้องเป็นภาษีที่คำนวณได้ก่อนหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ไม่ใช่ภาษีที่จ่ายชำระ) และภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว ก็หมายถึง ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่คำนวณได้ตามแบบ ภ.ง.ด.50 ก่อนหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย หรือเครดิตภาษี เช่นเดียวกัน
แต่หลังจากที่พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ครึ่งปีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ๆก็มีคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 152/2558 ออกมาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2558 อย่างปัจจุบันทันด่วนชวนตกใจ เพื่อแก้ไขแนวทางการพิจารณา “เหตุอันสมควร” เพิ่มเติมจากเนื้อหาในคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 50/2537 เพื่อ “ผ่อนคลาย” ให้กิจการที่ได้รับยกเว้นหรือลดอัตราภาษี โดยมีใจความส่วนที่แก้ไขเพิ่มเติมดังนี้ครับ
(2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่ได้กระทำหรือจะได้กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว ไม่น้อยกว่ากำไรสุทธิที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว แต่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครึ่งปีไว้น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว เนื่องจากได้ยกเว้นหรือลดอัตราภาษี
และในข้อ 2 ของประกาศฉบับนี้ยังระบุไว้ครับว่า คำสั่งฉบับนี้มีผลใช้บังคับสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้สำหรับรอบบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
จากความหมายของเงื่อนไขที่เพิ่มเติมมานั้น ผมขอสรุปให้ฟังสั้นๆว่า สำหรับกิจการที่ได้ยกเว้นหรือลดอัตราภาษีตั้งแต่รอบบัญชี 1 มกราคม 2555 เป็นต้นมา ได้มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ครึ่งปีสำหรับปีปัจจุบัน โดยประมาณการกำไรไว้ไม่น้อยกว่ากำไรสุทธิที่เคยยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ในปีก่อน กรณีจะถือว่าเป็นเหตุอันสมควรได้ทันที โดยที่ไม่ต้องดูจำนวนภาษีที่ชำระว่าเกินกึ่งหนึ่งอีกต่อไปตามเงื่อนไขเดิมของ ป.50/2537 อีกต่อไป
หรือพูดง่ายๆ คือ หากกิจการของเราเป็นกิจการที่ได้รับสิทธิลดอัตราภาษีตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา เพียงแค่เราดูว่ากิจการของเรานั้นมีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครึ่งปีโดยประมาณการกำไรไว้ไม่น้อยกว่ากำไรจริงที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว เพียงแค่นี้ก็สบายใจหายห่วงไม่ต้องกลัวว่าพี่สรรพากรจะมาล้วงเงินเพิ่มอีกต่อไปครับ
โดยความเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่ากฎหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อเป็นการผ่อนคลายความสับสนของข้อกฎหมายในการคำนวณภาษีครึ่งปีสำหรับกลุ่มที่ได้รับสิทธิลดภาษีได้เป็นอย่างดีครับ เพราะถ้าหากเราได้รับสิทธิลดภาษีลงมากมาย แต่ยังบังคับให้จ่ายเกินกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีต่อไป แบบนี้เห็นทีจะลำบากใจทั้งคนตรวจ (พี่สรรพากร) และคนจ่าย (เจ้าของธุรกิจ) แน่ๆเลยล่ะครับ
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายก็คือ …
ทำไมพี่สรรพากรถึงไม่ออกประกาศฉบับนี้ก่อนที่เราจะยื่นแบบแสดงรายการภาษีครึ่งปีของปีนี้ล่ะเนี่ย – -”