fbpx

3 ข้อคิดจาก “เกมส์กระแสเงินสด” : ใครๆก็อยากมีอิสรภาพทางการเงินกันทั้งนั้นแหละ

โพสต์เมื่อ: 10 เม.ย. 2016

ป้ายกำกับ:


วันนี้เป็นบล็อกสั้นๆ รีวิวข้อคิดและรายละเอียดที่ได้จากการเล่นเกมส์กระแสเงินสดของผม TAXBugnoms เองครับ ซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเข้าร่วมเล่นเกมส์ดังกล่าวที่ทาง SE-ED เป็นผู้จัดขึ้น ณ งานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ โดยมีทีมงานของโค้ชหนุ่ม The Money Coach จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ผู้แปลหนังสือขายดี (มาก) ชุด “พ่อรวยสอนลูก” (Richdad Series) ของ Robert Kiyosaki และทีมงานเป็นผู้ดูแลการเล่นเกมส์กระแสเงินสดในครั้งนี้ครับ

ในวันงานจะมี 2 รอบให้เลือกเล่น คือ รอบเช้า (8.00 – 12.00น.) และ รอบบ่าย (13.00-17.00น.) ซึ่งรอบที่ผมเลือกเข้าไปเล่นเป็นรอบบ่าย แต่ขอสารภาพ ณ ตรงนี้ว่าไปสายมากครับ กว่าผมจะไปถึงงานจริงๆ ก็เป็นเวลาประมาณ 14.30 น. #ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง และเมื่อไปถึงก็พบว่าเกมส์ได้ดำเนินไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกละอายแต่อย่างใด #แป่ววว #ทำหน้ามึนเดินเข้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

IMG_6688

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมเคยมีโอกาสได้เล่นเกมส์กระแสเงินสดในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ (เกมส์สนามแข่งหนู : Cashflow101) เลยพอจะเข้าใจวิธีการเล่มเกมส์นี้อยู่บ้าง แต่คราวนี้โชคดีตรงที่ได้ทีมงานอย่าง คุณอมรเทพ ผันสิน (หนึ่งในทีมผู้เขียนหนังสือขายดี “เกมเศรษฐี”​ และ “52 สัปดาห์ 52 ทรัพย์สิน” และหนังสือเสียง บ้านเช่าหลังแรก) มาทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมเกมส์ (Banker) เลยได้รับความเข้าใจและความสนุกในการเล่มเกมส์เพิ่มขึ้นกว่าคราวที่แล้วครับ

ถ้าหากใครยังไม่เคยเล่น ผมขอเล่าให้ฟังคร่าวๆว่า วิธีการเล่นเกมส์กระแสเงินสดนั้นเหมือนกันกับ “เกมส์เศรษฐี” ที่ผู้เล่นแต่ละคนจะถูกแทนตัวเองด้วยตัวหมาก ทอยลูกเต๋าและเดินตามช่องทางเดินไปเรื่อยๆ โดยผู้เล่นแต่ละคนจะต้องจับสลากเพื่ออาชีพที่แตกต่างกันไป พร้อมรับข้อมูลเรื่อง รายได้ ค่าใช้จ่าย หนี้สินต่างๆของตัวเอง

IMG_6690

ผู้เล่นจะต้องทอยลูกเต๋าเพื่อเดินไปตกในช่องเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามามีผลกับชีวิตทั้งบวกและลบ เช่น รับเงินเดือน โอกาส จับจ่ายใช้สอย ตกงาน บริจาค ฯลฯ โดยหน้าที่ของผู้เล่นก็คือวางแผนจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงบันทึกรายการต่างๆ เพื่อเรียนรู้การจัดทำงบการเงินส่วนบุคคลไปพร้อมๆกัน

เมื่อไรก็ตามที่ผู้เล่นมีรายได้จากทรัพย์สินมากกว่า 2 เท่าของค่าใช้จ่าย เมื่อนั้นจะถึงเวลาที่จะได้ออกมาเดินอีกช่องทางเดินหนึ่ง (หลุดออกจากสนามแข่งหนู) เพื่อมุ่งสู่ชีวิตที่มีอิสรภาพทางการเงินครับ

แต่กิจกรรมในวันงานจะเพิ่มเหตุการณ์พิเศษต่างๆเข้ามาในระหว่างเล่นเกมส์อยู่ เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ถูกบังคับซื้อบ้านที่มีกระแสเงินสดติดลบในอนาคตเพิ่ม เพื่อให้ผู้เล่นพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนอกกระดาน และเพิ่มรสชาติของชีวิตไปพร้อมๆกัน (TwT)

หลังจากจบเกมส์แล้ว แต่ละกลุ่มจะพูดคุยสรุปข้อคิดที่ได้จากการเล่มเกมส์นี้กันครับ พร้อมกับทางโค้ชหนุ่มก็จะสรุปเนื้อหาและแนวคิดทั้งหมดให้ฟังอีกครั้งหนึ่งครับ ซึ่งมีคำพูดหนึ่งของโค้ชที่ผมชอบมากๆ คือ “ในการเล่นแต่ละครั้ง เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวที่แตกต่างกันไปครับ”

IMG_6693

เมื่อกลับมาถึงบ้านผมจึงนั่งคิดและจดบันทึกข้อคิดของตัวเองไว้ และรอเวลาที่จะเขียนมันออกมาเป็นข้อคิดสั้นๆ  3 ข้อที่ผมได้จากการเล่นเกมส์ครั้งนี้ลงบล็อกภาษีข้างถนน เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคนที่ได้เข้ามาอ่านมันครับ

1. “เกมกระแสเงินสด บอกเราว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ กระแสเงินสด” เนื่องจากผมเล่นเกมส์นี้เป็นครั้งที่ 2 จึงชะล่าใจในความเก๋าของตัวเองว่าเข้าใจหลักการหมดแล้ว ผมเลยตั้งใจรีบเร่งที่จะซื้อทรัพย์สินเพื่อให้ตัวเองมีรายได้จากการทรัพย์สินเกิน 2 เท่าของรายจ่ายต่อเดือนไวที่สุด จนสุดท้ายพลาดเดินไปตกช่อง “จับจ่ายใช้สอย” ทำให้เจอเหตุการณ์ที่ทำให้ใช้จ่ายจนกระแสเงินสดติดลบไปช่วงหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นว่าความรีบเร่งที่ว่านี้ กลับทำให้ต้องกู้ยืมหนี้โดยไม่คาดคิดไปแทน (แป่ววว)

ถ้ามองย้อนมาดูในชีวิตจริง หากเราไม่ได้มีการวางแผนการเงินเผื่อ “เหตุการณ์ฉุกเฉิน” ไว้ หรือเตรียมตัวรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆไว้ล่วงหน้า ชีวิตมันคงไม่ได้จบง่ายๆเหมือนในเกมส์อย่างแน่นอนครับ

ดังนั้นไม่ว่ารายได้จะสูงแค่ไหน หรือจะมีโอกาสเข้ามามากเท่าไร
สิ่งที่เราควรใส่ใจเป็นอันดับแรก คือ “กระแสเงินสด” ต้องเป็น “บวก”

2. “อิสรภาพการเงิน เริ่มต้นได้ที่รายจ่าย” แม้ว่าเกมส์จะสอนให้เราสร้างรายได้จากทรัพย์สิน (เพิ่มกระแสเงินสดที่ได้รับให้มากขึ้น) แต่ถ้าลองย้อนสำรวจตัวเองก่อนว่ามีช่องว่างในการจัดการรายจ่ายของตัวเอง (ทำให้กระแสเงินสดที่จ่ายออกไปน้อยลง) ตรงไหนที่ทำให้ดีขึ้นได้ และมันอาจจะทำให้เราสร้างอิสรภาพการเงินได้ไวขึ้น

แต่ตรงนี้ต้องดูด้วยนะครับว่า “จริต” ของเราเป็นแบบไหน อย่างตัวผมเองเป็นคนที่ชอบ “ลดหนี้” เพื่อ “ลดรายจ่าย” ตามนิสัย (สันดาน) ของตัวเองที่ไม่ชอบมีหนี้ (ขนาดทุกวันนี้จ่ายบัตรเครดิตวันสุดท้ายยังใจสั่น TwT) การเร่งเคลียร์หนี้จากสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับแรก ทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่ได้ลดรายจ่าย และสุดท้ายอิสรภาพทางการเงินก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกันครับ (ยิ่งรายจ่ายน้อย… การมีอิสรภาพการเงินก็ง่ายขึ้น)

3. “มันไม่ใช่แค่เกมส์” อย่างที่โค้ชหนุ่มได้สรุปไว้ตอนท้ายว่า จริงๆแล้วเกมส์นี้ไม่ได้เป็นแค่เกมส์ แต่มันคือชีวิตจริงที่ถูกย่อลงมาให้เห็นในเกมส์ (ผิดถูกขออภัยนะครับ แต่จำได้ประมาณนี้ แฮร่) ดังนั้นเป้าหมายของการเล่นเกมส์กระแสเงินสดไม่ใช่เล่นเพื่อให้ชนะคนอื่น หรือไม่ใช่เล่นเพื่อให้ตัวเองออกจากทางเดินของสนามแข่งหนูได้ไวที่สุด แต่เล่นเพื่อให้เราได้เรียนรู้ว่า “สิ่งที่เราต้องการในชีวิต” คืออะไร ไปจนถึง จุดอ่อน จุดแข็ง ในการเตรียมพร้อมรับมือกับชีวิตของตัวเอง ร่วมกับการมองผ่านสายตาของคนอื่นๆที่อยู่ในเกมส์เดียวกันกับเรา มันจะทำให้เราได้ “ตกผลึก” ความคิดที่ได้รับจากเกมส์นี้หลังจากที่เล่นจบลงในแต่ละครั้ง

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมได้รับหลังจากการเกมส์จบลงครับ และสิ่งที่ผมรีบทำหลังจากเล่นเกมส์กระแสเงินสดครั้งนี้จบลง คือ การนั่งทบทวนเป้าหมายการเงินของตัวเองอีกครั้ง เพื่อที่จะเรียนรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำในแต่ละวันนั้น เดินทางไปสู่เป้าหมายของเราจริงๆแล้วหรือยัง (ไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปครับ)

ผมขอขอบคุณทาง Se-Ed และโค้ชหนุ่มและทีมงานที่จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ขึ้นมา และขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาทักทายกันในงานนะครับ แถมบางคนยังเอาหนังสือ “คนไทยฉลาดการเงิน” มาให้เซ็นด้วยอีกต่างหาก

1480590_1343838752308204_168210568692508366_n

สุดท้ายผมหวังว่าคนที่ได้อ่านบทความนี้จบลงจะได้ไอเดียอะไรดีๆ เพื่อกลับไปใช้ในการวางแผนและจัดการการเงินของตัวเองไม่มากก็น้อย… สวัสดีคร้าบ

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy