fbpx

เตรียมตัวให้พร้อม.. ก่อนปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่

โพสต์เมื่อ: 20 เม.ย. 2016

ป้ายกำกับ: ,


สวัสดีครับ กลับมาพบกับผม นาย TAXBugnoms คนเดิม เพิ่มเติมคือข่าวภาษีใหม่อีกแล้วคร้าบบ วันนี้บทความคงจะหนีไม่พ้นเรื่องการปรับปรุงเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ ซึ่งทางหน้าแฟนเพจ กรมสรรพากร ได้อัพเดทไปจนคนแชร์กันกระหน่ำกว่าสองหมื่น #จุดพลุฉลองแป๊บ ตาม Infographic สุดล้ำด้านล่างนี้เลยครับผม

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 เห็นชอบให้ปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยให้มีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป

Posted by กรมสรรพากร ( Revenue Department ) on Tuesday, 19 April 2016

จากรูปข้างบนนี้ ผมขอทำหน้าที่สรุปย้ำอีกครั้งหนึ่งให้เห็นกันนะครับว่า การปรับปรุงนี้จะมีผลอย่างไรบ้างแบบง่ายๆสั้นๆในสไตล์ TAXBugnoms  เอาล่ะ เรามาดูกันเลยดีกว่าคร้าบบ

1. เปลี่ยนจำนวนเงินได้ขั้นต่ำในการยื่นแบบแสดงรายการ ตรงนี้หมายความถึงจำนวนเงินได้หรือรายได้ขั้นต่ำที่ต้องมีหน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องเสียภาษีก็ตามนะครับ โดยเปลี่ยนแปลงเป็นดังนี้

กรณีรายได้ประเภทที่ 1 (มนุษย์เงินเดือน) จาก 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท
กรณีรายได้ประเภทอื่น
จาก 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท

2. เพิ่มค่าใช้จ่าย จากอัตราเดิม คือ 40% ไม่เกิน 60,000 บาท เปลี่ยนใหม่เป็น 50% ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับเงินได้ประเภทที่ 1 และ 2 และ 3 (เฉพาะลิขสิทธิ์)

3. เพิ่มค่าลดหย่อน สำหรับรายการต่อไปนี้…

ค่าลดหย่อนส่วนตัวและคู่สมรส (ไม่มีรายได้) จาก 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนบุตร จากค่าลดหย่อน 15,000 บาท และ 17,000 บาท สำหรับบุตรไม่เกิน 3 คน เป็น 30,000 บาทอัตราเดียวและไม่จำกัดจำนวนบุตร

4. ปรับปรุงช่วงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยกำหนดให้เงินได้สุทธิในช่วง 2,000,000 – 5,000,000 บาท เสียภาษีในอัตรา 30% และส่วนที่เกิน 5,000,000 บาท เสียภาษีในอัตรา 35% จากเดิมที่เป็น 2,000,000 – 4,000,000 บาทและส่วนที่เกิน 4,000,000 บาท

โดยเรื่องราวดีๆ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปีภาษี 2560 ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภายในวันที่ 31 มีนาคม 2561 นะครับ ซึ่ง ณ วันนี้ ที่ผมเขียนบทความ (20 เมษายน 2559) ยังไม่ได้ออกเป็นกฎหมายให้บังคับใช้แต่อย่างใด เป็นเพียงมติครม.ให้ดีใจไปล่วงหน้าเท่านั้นครับ #รอดูกฎหมายด้วยนะครับ

ปรับปรุงนโยบายแล้วยังไงต่อ ?

แน่ละครับว่าทั้งหมดนี้เป็นข่าวดี แต่ทีนี้ผมอยากจะชวนทุกคนมาวิเคราะห์เจาะลึกกันต่อไปครับว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงนโยบายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่นั้นจะมีผลกระทบอย่างไรกับพวกเราชาวไทยกันบ้าง โดยผมขออนุญาตแบ่งออกเป็น 3 มิติ #ไม่ใช่ข่าว สำหรับมุมมองในแต่ละด้านนะครับ

1. สำหรับคนที่มีรายได้แต่ไม่ต้องเสียภาษี การปรับปรุงนโยบายภาษีเงินได้ที่เกิดขึ้นนี้ ย่อมมี “ผลดี” ต่อมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาทและคนที่มีรายได้ประเภทอื่นที่ไม่เกิน 60,000 บาทต่อปี ที่ไม่ต้องมาเสียเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้อีกต่อไป #จบข่าว

นอกจากคนในกลุ่มแรกแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับสิทธิไม่ต้องเสียภาษี นั่นคือ มนุษย์เงินเดือนหรือฟรีแลนซ์ที่โสดสนิทไม่มีสิทธิลดหย่อนอื่นใด ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 310,000 บาท (คิดเป็นเงินเดือนประมาณ 25,833 บาท) ก็จะได้รับสิทธิไม่ต้องเสียภาษีจากการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนของนโยบายนี้เช่นเดียวกันครับ

2. สำหรับคนที่มีรายได้และต้องเสียภาษี ผมลองสมมติโจทย์เล่นๆ สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ในการลดจำนวนภาษีจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยเฉพาะกลุ่ม มนุษย์เงินเดือนและฟรีแลนซ์ที่มีคู่และบุตรต้องเลี้ยงดู เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนในแต่ละกลุ่มรายได้ครับว่า เมื่อใช้นโยบายใหม่นี้แล้วจะประหยัดภาษีไปได้เท่าไร

001-TAX 002-TAX

จากรูปเราจะเห็นได้ว่าจำนวนเงินได้ที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อจำนวนภาษีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามอัตราภาษีแบบก้าวหน้า (ขั้นบันได) นั่นเองครับ ดังนั้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นก็คือกลุ่มที่มีรายได้น้อยที่เสียภาษีต่ำๆ กับกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง (หากพิจารณาตามสัดส่วนของภาษีที่ประหยัดได้)

3. สำหรับคนที่มีเงินได้สุทธิเกิน 4 ล้านบาท การปรับปรุงในส่วนของอัตราภาษีเงินได้ช่วงปลายของผู้ที่มีเงินได้สูงนั้น ย่อมจะเป็นสิทธิประโยชน์ให้กับคนกลุ่มที่มีรายได้สูงกว่า (หรือที่เรามักเรียกกันว่า “คนรวย”) ซึ่งสิทธิประโยชน์ข้อนี้จะทำให้ลดจำนวนเงินภาษีที่คนกลุ่มนี้ต้องจ่ายได้มากกว่าคนอื่นๆ ดังนี้ครับ โดยจำนวนเงินภาษีที่ลดลงสูงสุดของคนกลุ่มนี้คือ 50,000 บาท (1,000,000 x 5%) ในกรณีที่มีเงินได้สุทธิ 5,000,000 บาทขึ้นไปครับ

003-TAX 004-TAX

ทั้งหมดนี้… คือ สิ่งที่ผมมองเห็นจากการปรับปรุงโครงสร้างทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ครับ ซึ่งถ้าหากถามว่าเป็นเรื่องดีไหม แน่นอนครับว่าเป็นเรื่องดีในการที่ทางภาครัฐจะให้ความสนใจในการปรับปรุงค่าลดหย่อนให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น (ถึงแม้จะไม่เท่ากับความเป็นจริงก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าเก่า TwT)  และการปรับปรุงครั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินภาษีที่ประหยัดได้แล้ว ก็คงไม่ได้มีผลกระทบต่อการเลือกใช้ค่าลดหย่อนด้านอื่นๆ แต่อย่างใดครับ

อีกเรื่องนึงที่อยากบอกก่อนจากกันคือ การเสียภาษีนั้นถือเป็นหน้าที่ของผู้มีเงินได้ทุกคนครับ และเป็นไปตามข้อบังคับตามกฎหมาย ถึงแม้ว่าเราจะกลัวว่าเงินภาษีที่เราจ่ายไปจะไม่ถูกใช้ประโยชน์อย่างที่ควร ก็ไม่ถือเป็นข้ออ้างในการที่จะ “หลบเลี่ยง” หรือ “หนีภาษี”  เพราะมันจะกลายเป็นว่าเรานั่นแหละที่เป็นคนทำผิดกฎหมายเสียเอง จริงไหมครับ?

สุดท้ายนี้ .. สำหรับตัวเราเองที่เป็น “ผู้เสียภาษี” คงต้องหันมามองย้อนกลับดูครับว่า จำนวนเงินภาษีที่ลดลงจากทุกๆนโยบายรัฐที่ใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นจะส่งผลให้มีอะไรเพิ่มขึ้น ระหว่าง “จำนวนผู้ที่เข้ามาสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้องที่มากขึ้น” หรือ “การตรวจสอบจากเจ้าพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น” 

…. ผมคงได้แต่ภาวนาว่าผลที่ออกมาจะไม่เป็นแบบหลังนะครับ :)

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy