ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 5 | การออมและการประหยัดภาษี
กลับมาว่ากันต่อด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือนในตอนที่ 5 กันครับ
สำหรับตอนที่ 1-4 นั้น สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ครับ
ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 1
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-1/ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 2
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-2/ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 3
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-3/ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 4
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-4/
.
.
ในตอนที่แล้วผมพูดทิ้งท้ายไว้ในเรื่องของ “ค่าลดหย่อนที่เป็นการออมเงินระยะยาว” ซึ่งประกอบด้วยค่าลดหย่อนดังต่อไปนี้ครับ
– เบี้ยประกันชีวิต
– การออมเงินประเภทจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่างๆ
– เงินสะสมค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
– เงินสะสมค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
– เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
– เงินสมทบกองทุนประกันสังคม
แต่ก่อนที่ผมจะลงลึกไปถึงเรื่องค่าลดหย่อนแต่ละรายการนั้น ผมขอคั่นเวลาสักนิดด้วยเรื่องของ “การออม” สักเล็กน้อยครับ เนื่องจากจุดประสงค์ของบทความชุดนี้ ไม่ได้จะพูดถึงแค่เรื่องการวางแผนภาษีเท่านั้น แต่ต้องการที่จะพูดถึงเรื่องวิธีการออมเงินของ “มนุษย์เงินเดือน” ไปด้วยในตัวครับ
ซึ่งผมก็เชื่อเหลือเกินว่า “การออม” คงเป็นปัญหาของหลายๆคนใช่ไหมครับ เพราะตัวผมก็เป็นหนึ่งคนในนั้นที่มีปัญหาเกี่ยวกับการออมครับ
มาเริ่มรู้สึกตัวอีกทีก็ทำงานมาตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเงินเก็บเป็นชิ้นเป็นอันเสียสักที
เริ่มมองเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มีเงินเก็บกันหลักแสน แต่เรามีเงินติดอยู่ในบัญชีแค่หลักพัน
TwT
.
.
“ทำไมเราถึงเก็บเงินไม่ได้สักทีล่ะโว้ยยยยยยยยย”
ผมตะโกนถามตัวเองหลังจากที่พบว่าเหลือเงินอยู่ในบัญชีธนาคารประมาณ 2,500 บาท
โดยไม่แคร์ถึงสายตาคนรอบข้างที่จ้องมองมาที่ตู้ ATM ที่ผมกำลังกดเงินอยู่
มารู้สึกตัวว่าทำเรื่องน่าขายหน้า ก็ตอนที่ได้ยินเสียงซุบซิบประมาณว่า….
สงสัยมันจะบ้านะเธอ อากาศยิ่งร้อนๆอยู่ด้วย หรือว่าโดนไล่ออกจากงาน บลาๆๆๆๆ ฯลฯ
.
.
ผมรู้สึกเลยว่า มันต้องมีอะไรที่ผิดพลาดแน่ๆ หรือว่า “มันอาจจะมีพลังงานหรือวิญญาณ” อยู่ในตู้ ATM ก็เป็นได้ หลังจากนั้นผมเลยไปนั่งคิดนอนคิด และค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือต่างๆและอินเตอร์เน็ตและแล้วผมก็พบว่า มีอยู่สิ่งหนี่งที่ผมคิดผิดไปอย่างมาก เกี่ยวกับเรื่องของการออม ซึ่งก็คือ ผมดันไปคิดเอาเองว่า….
รายได้ – ค่าใช้จ่าย = เงินออม
หากฟังดูเผินๆ แล้วก็ไม่น่าจะคิดผิดใช่ไหมครับ เพราะเราทำงานมาหาเงินได้มาเท่าไร เมื่อหักค่าใช้จ่ายที่ใช้หมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ย่อมต้องเป็นเงินออมของเรานั่นเอง แต่จริงๆแล้ว เป็นความคิดที่ผิดอย่างแรง!!!
เพราะความคิดที่ถูกต้องนั้นควรที่จะเป็นแบบนี้ครับ
รายได้ – เงินออม = ค่าใช้จ่าย
หมายความว่า ทุกครั้งที่เรามีรายได้ เราต้องหัก “เงินออม” ไว้ก่อนที่จะนำไปใช้
ไม่ใช่ว่ารอให้เหลือเงินจากการใช้จ่าย แล้วค่อยคิดที่จะออม …
ซึ่งจะกลายเป็นว่าถ้าหากวันนี้เราใช้เงินหมดแล้ว ก็ไม่ต้องเหลือออมกันพอดี
ตัวอย่างความคิดของผู้ที่เข้าใจว่า เหลือจากค่าใช้จ่ายเท่าไร แล้วค่อยออม
– วันนี้ขอกินมื้อใหญ่ก่อนนะ เงินเดือนเพิ่งออก
– Iphone8 ออกใหม่ อยากได้จังเลย ซื้อก่อนละกัน วันหลังค่อยออม
– ให้รางวัลกับชีวิตตัวเองบ้างสิจ๊ะ จะมัวเก็บเงินไปถึงไหน กลัวเงินจะบูดหรือไงเธอว์
– ไปเลย ฉลองใหญ่ วันนี้ป๋าเป็นเจ้ามือเอง กุริกุริ
– ฯลฯ
และเคยมีปรมาจารย์ด้านการออมท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า
“เรามักหาเหตุผลในการใช้เงิน มากกว่าหาเหตุผลในการออมเงิน”
:D
.
.
ทีนี้ผมขอย้อนไปยังเรื่องของการวางแผนภาษี โดยเอามาผูกเข้ากับการออมเงินดูบ้างครับ
ผมอยากให้เพื่อนๆทุกคน ลองคิดดูง่ายๆนะครับว่า
ถ้าเราออมเงินไว้ได้จำนวน 100,000 บาท และยังสามารถประหยัดภาษีได้อีกล่ะ มันจะดีแค่ไหน
เรียกได้ว่า ยังไม่ต้องนำเงินออมไปลงทุนเพื่อหาผลตอบแทน เราก็ได้รับกำไรมาล่วงหน้าแล้ว
สมมุติว่า …
ถ้าเราต้องเสียภาษีในอัตรา 10% เท่ากับเงินออม 100,000 บาท จะประหยัดภาษีได้ 10,000 บาท
ถ้าเราต้องเสียภาษีในอัตรา 20% เท่ากับเงินออม 100,000 บาท จะประหยัดภาษีได้ 20,000 บาท
ถ้าเราต้องเสียภาษีในอัตรา 30% เท่ากับเงินออม 100,000 บาท จะประหยัดภาษีได้ 30,000 บาท
ตารางอัตราภาษี (% ของเงินออมที่จะช่วยเราประหยัดภาษี)
.
.
ทีนี้ก็มีปัญหาแล้วสิครับว่า เราจะเลือกการออมอย่างไร เพื่อที่จะประหยัดภาษีดีล่ะ??
ผมขอแนะนำแบบฟันธงไว้เลยครับว่า สิ่งที่ “มนุษย์เงินเดือน” ควรเริ่มต้นออมเป็นลำดับแรกก็คือ “ระบบการออมภาคบังคับ” หรือ การออมที่กฎหมายบังคับให้เราต้องออมนั่นเองครับ ซึ่งระบบการออมภาคบังคับที่สามารถประหยัดภาษีให้เราได้ ได้แก่
1. เงินสมทบกองทุนประกันสังคม
2. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
.
.
เงินประกันสังคม หรือ เงินสมทบกองทุนประกันสังคม
โดยปกติแล้ว “มนุษย์เงินเดือน” อย่างเราๆ จะต้องออมไว้อยู่แล้วทุกเดือนครับผ่านทางกองทุนประกันสังคม (โดยที่เราไม่รู้สึกตัว) ในอัตราร้อยละ 5 ของรายได้ และบริษัท (นายจ้าง) สมทบอีกร้อยละ 5 ของรายได้ โดยเพดานสูงสุดของรายได้ที่จะนำมาคำนวณก็คือ 15,000 บาท ซึ่งเราจะสามารถนำยอดที่จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 9,000 บาทต่อปีครับ และเงินที่เราออมนั้นจะได้รับกลับคืนไปในรูปของ “บำเหน็จ” หรือ “บำนาญ” เมื่อเกษียณครับ
ซึ่งจำนวนเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 9,000 บาท มาจากการคำนวณตามสูตร
= เงินเดือน (สูงสุดไม่เกิน 15,000) x อัตราประกันสังคม x จำนวนเดือน
หมายเหตุ
เนื่องจากในปี 2555 สำนักงานประกันสังคมได้สนับสนุนมาตรการกระทรวงแรงงาน โดยออกมาตรการประกันสังคมลดการจ่ายเงินสมทบเข้าประกันสังคมจาก อัตราร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 3 ใน 6 เดือนแรกของปี 2555 นี้ และในอัตราร้อยละ 4 ใน 6 เดือนหลังของปี 2555 ครับ ยังไงลองติดตามข้อมูลเพิ่มเติมตอนปลายปีอีกครั้งนะครับ ผมจะนำมาสรุปให้ฟังอีกครั้งหนึ่งครับ
Update เพิ่มเติม : สำหรับปี 2556 นี้ คณะกรรมการประกันสังคมมีมติให้ขยายเวลาการลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคมไปอีก 1 ปี จากอัตราปกติร้อยละ 5 เหลือเพียงร้อยละ 4 เหมือนปี 2555 ครับ :)
.
.
บางคนอาจจะเถียงกลับมาว่า แค่ออมเงินไว้ปีละ 9,000 บาทเองเนี่ยนะ!!
ขอโทษเถิดคุณพี่ ชั้นกินข้าวไม่ถึงสองมื้อก็หมดแล้วล่ะย่ะ !!!!
สำหรับอาเจ๊ที่คิดแบบนี้ ผมขอแนะนำให้ลองดูรูปข้างล่างนี้เล่นๆนะครับ
แล้วผมจะอธิบายให้ฟังในตอนต่อไปอีกคร้้งครับ
:)
ตารางดอกเบี้่ยทบต้น ตลอดอายุการทำงาน 35 ปี (ตั้งแต่อายุ 25 – 60 ปี)
โดยออมเงินปีละ 9,000 บาท ลงทุนในผลตอบแทนอัตรา 7% ต่อปี
.
.
ผมหวังว่า บทความตอนนี้จะทำให้เพื่อนๆเห็นถึงความมหัศจรรย์ของ “การออม” และ “ดอกเบี้ยทบต้น”
ส่วนในตอนต่อไป ผมจะเล่าถึงการออมภาคบังคับประเภทต่อไป ซึ่งก็คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และจะอธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจถึงภาพรวมในการวางแผนสำหรับการออมเงินสำหรับ “มนุษย์เงินเดือน” เพิ่มเติมครับ
สุดท้ายนี้ก็เหมือนเดิมครับ ผมคงต้องขอความกรุณาจากเพื่อนๆ เหมือนเดิมว่า
โปรดอย่าลืมนะครับ ถ้าหากถูกใจบทความก็ฝาก Like หรือ Share ให้กับผมบ้างนะคร้าบบบ
:D