ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 8 | รู้จักกับ LTF (ต่อ)
วันนี้เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือนในตอนที่ 8 กันครับ…
เมื่อตอนที่แล้ว เราได้ทำความรู้จักกับ LTF และรู้ว่า LTF ได้ให้สิทธิประโยชน์อะไรแก่ “มนุษย์เงินเดือน” ในการวางแผนภาษีบ้างไปแล้ว
แต่ถ้าใครเปิดเข้ามาเจอบทความนี้เป็นตอนแรกแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้อ่านบทความตอนที่แล้วแล้วก่อนนะครับ
:)
ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 7 | รู้จักกับ LTF
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-7/
.
.
ถ้าหากสนใจตอนเก่าๆ เกี่ยวกับเรื่องการวางแผนภาษีของมนุษย์เงินเดือนแล้วล่ะก็ สามารถหาอ่านย้อนหลังได้ตามนี้เลยคร้าบ ^^
ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 1
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-1/ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 2
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-2/ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 3
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-3/ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 4
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-4/ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 5
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-5/ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และ มนุษย์เงินเดือน – ตอนที่ 6
http://tax.bugnoms.com/tax/tax-saving-and-saving-plan-for-salaryman-6/
.
.
ทีนี้ เรามาคุยกันเรื่อง LTF ต่อเลยดีกว่าครับ ความเดิมตอนที่แล้วผมได้บอกไปว่า “LTF สามารถช่วยเราประหยัดภาษีได้ถึง 15% ของเงินได้ แต่สูงสุดแล้วไม่เกิน 500,000 บาท” โดยเราต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขของการลงทุน คือ
1) เมื่อซื้อหน่วยลงทุน LTF ไว้แล้ว ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับตามปีปฏิทิน)
2) หน่วยลงทุนดังกล่าวไม่สามารถโอน หรือจำนำไปเพื่อเป็นหลักประกันได้ …
แต่กฎก็ย่อมต้องเป็นกฎอยู่วันยังค่ำ และถ้าจะให้เป็นกฎที่ดี ย่อมต้องมีคนแหกกฎบ้าง ใช่ไหมครับ ^^
เท่าที่ผมทราบมา โดยปกติแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะทำผิดเงื่อนไขในข้อแรก คือ เผลอขายหน่วยลงทุนที่ถือไว้ไม่เกิน 5 ปี ซึ่งเมื่อเราทำผิดแล้ว ข้อกฎหมายก็ได้มีข้อกำหนดโทษไว้ดังนี้ครับ
“กรณีผู้มีเงินได้ได้ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว และได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ 5 แล้ว และต่อมาได้ปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของข้อ 2 หรือข้อ 3 ผู้มีเงินได้หมดสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ 5 แต่ไม่รวมถึงกรณีที่ผู้มีเงินได้ไถ่ถอนหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวเพราะทุพพลภาพหรือตายผู้มีเงินได้ต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับปีภาษีที่ได้นำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนไปหักออกจากเงินได้เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้มาแล้วที่อยู่ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของปีภาษีนั้น ๆ จนถึงวันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเติมเพื่อเสียภาษีเงินได้เพิ่มเติมของปีภาษีดังกล่าว พร้อมเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากร”
“ในกรณีที่มีการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมหุ้นระยะยาวซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามข้อ 2 หรือข้อ 3 การคำนวณต้นทุนผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหน่วยลงทุน (capital gain) เพื่อเสียภาษีในกรณีดังกล่าวให้คำนวณโดยวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO)”
อ้างอิงจาก
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 169)
http://www.rd.go.th/publish/39681.0.html
นอกจากนั้นแล้ว ผลประโยชน์ดังกล่าวจะต้องถูกภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามข้อ 12/1 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ในอัตราร้อยละ 3 ไว้ด้วยครับ
.
.
แต่ถ้าเกิดเพื่อนๆ อ่านข้อกฎหมายข้างบนแล้วมึนๆไปบ้าง ผมก็ขออนุญาตสรุปให้ฟังง่ายๆตามสไตล์ “บล็อกภาษีข้างถนน“ ละกันนะครับ ^^
1. ในกรณีที่เราขายคืนหน่วยลงทุนก่อนที่จะครบกำหนด 5 ปี จะถือว่าผิดเงื่อนไขของการลงทุนทันทีครับ
2. ผลจากข้อ 1 ทำให้กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนก็จะต้องนำมาคำนวณภาษีตามวิธีเข้าก่อนออกก่อน ก็คือ ถือว่าหน่วยลงทุน LTF ที่ซื้อมาก่อน ย่อมต้องถูกขายก่อนนั่นเอง
นอกเสียจาก เราเสียชีวิตหรือทุพลภาพ (พิการ) การขาย LTF ในส่วนนี้ก็จะถือว่าไม่ผิดเงื่อนไขครับ
ถ้าเกิดเพื่อนๆเคยลงทุนใน LTF ไว้บ้างแล้วล่ะก็ ผมแนะนำให้ตรวจสอบกับทางบริษัทหลักทรัพย์ (บลจ.) ที่เราซื้อหน่วยลงทุนไว้ด้วยครับว่าในแต่ละปีว่ามีหน่วยลงทุนที่สามารถขายคืนได้เท่าไรบ้าง ดังเช่นตัวอย่างในรูปข้างล่างนี้ครับ
จากตัวอย่างในรูปข้างต้น
กองทุนนี้ยังไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เลยนะครับ เพราะผมเพิ่งซื้อ LTF กองนี้ในปีที่แล้วนั่นเองครับ
ถ้าเพื่อนๆสังเกตในรูปจะเห็นว่า มีหมายเหตุระบุไว้เพิ่มเติมว่า…
“3. กรณีที่ผู้ลงทุนมีการขายคืนกองทุน LTF โดยไม่เข้าเงื่อนไขทางภาษี
กำไรที่ได้จากการขายคืนบริษัทจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%”
เห็นไหมครับว่า ถ้าเกิดเราทำผิดพลาดขายหน่วยลงทุนที่ถือไว้น้อยกว่า 5 ปีขึ้นมา เราคงไม่รอดกันแน่ๆ เลยทีเดียว เพราะบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้จัดการกองทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลเราได้ตลอดเวลาครับ ^^
แต่หากท้ายที่สุดแล้ว เพื่อนๆเกิดความจำเป็นที่ต้องขาย LTF หรือเกิดข้อผิดพลาดทำให้ขาย LTF ที่ยังไม่ครบกำหนดแล้วล่ะก็ ผมขอแนะนำให้ปฎิบัติดังนี้ทันทีครับ
1. ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 91 เพิ่มเติม เพื่อชำระคืนเงินภาษีที่เราเคยได้รับยกเว้นให้เร็วที่สุด
โดยการคำนวณนั้นจะต้องคิดเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ซึ่งการนับเดือนนั้นจะเริ่มนับตั้งแต่เดือนเมษายนในปีที่เราใช้สิทธิยกเว้นภาษี จนถึงเดือนที่มีการยื่นคืนเงินภาษีนั่นเองครับ
2. กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน (Capital Gain) จะต้องนำมารวมเป็นเงินได้และเสียภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในอัตราร้อยละ 3
ตัวอย่าง
ในปี 2554 นายเป็ด ได้ซื้อหน่วยลงทุน LTF ไว้ 10,000 หน่วย หน่วยละ 10 บาท รวมมูลค่าเป็น 100,000 บาท และใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในอัตรา 30% ทำให้นายเป็ดใช้สิทธิในการลดภาษีไปทั้งสิ้น 30,000 บาท
แต่ในปี 2555 นายเป็ดเผลอตัวเผลอใจขาย LTF ไปทั้งหมด!!! เป็นจำนวน 10,000 หน่วย หน่วยละ 12 บาท รวมมูลค่าเป็น 120,000 บาท
กรณีนี้ถือว่า นายเป็ดขายคืนหน่วยลงทุน LTF ก่อนที่จะครบกำหนด 5 ปี ย่อมผิดแน่นอนครับ!!!
ทีนี้ สิ่งที่นายเป็ดควรจะทำต่อไปก็มีดังนี้ครับ :)
1. ยื่นแบบแสดงรายการปี 2554 เพิ่มเติมทันที โดยหากนายเป็ดยื่นแบบในเดือนมิถุนายน 2555 นายเป็ดจะต้องชำระภาษีคืนจำนวน 30,000 บาท พร้อมทั้งเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เม.ย. – มิ.ย. 2555) เป็นจำนวน 3 เดือน คือ 1,350 บาท (30,000 x 1.5% x 3) รวมเป็นภาษีที่ต้องชำระเพิ่มเติมทั้งหมด 31,350 บาท
2. กำไรจากการขายจำนวน 20,000 บาท นายเป็ดจะถูกทาง บริษัทหลักทรัพย์ (บลจ.) หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้จำนวน 3% คือ 600 บาท
ดังนั้นนายเป็ดจะต้องนำเงินจำนวน 20,000 บาท มารวมคำนวณเป็นเงินได้สำหรับปี 2555 โดยสามารถใช้สิทธินำภาษีจำนวน 600 บาทมาใช้เครดิต(หัก)ภาษีที่ต้องชำระตอนยื่นแบบแสดงรายการครับ
.
.
อย่างไรก็ตาม ผมขอฝากข้อคิดเตือนใจไว้สักนิดนึงครับ เกี่ยวกับการลงทุนใน LTF คือ เราจะต้อง “รู้เขา” และ “รู้เรา” ครับ
ที่ว่า “รู้เขา” ก็คือ รู้ว่าการลงทุนในกองทุน LTF คืออะไร ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหนและมีความเสี่ยงในแต่ละกองทุนมากหรือน้อย รวมถึงผลงานของบริษัทหลักทรัพย์ (บลจ.) ที่่ผ่านมา มีคุณภาพในการให้บริการ รวมทั้งการคิดค่าธรรมเนียมจัดการและค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างไรบ้าง
ส่วน “รู้เรา” ก็คือ รู้จักตัวเอง สามารถตอบตัวเองได้ว่า ตัวเรานั้นต้องการลงทุนออมเงินในระยะยาว (มากกว่า 5 ปี) รวมถึงต้องมีวินัยในการออมอย่างสม่ำเสมอ และพิจารณาด้วยว่าเราสามารถออมเงินได้มากหรือน้อยแค่ไหน ประกอบกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้นั้น มีมากแค่ไหนกันแน่ครับ
ถ้าเพื่อนๆรู้ทั้งสองข้อนี้แล้ว ผมรับรองได้ว่าข้อผิดพลาดในการลงทุน LTF ย่อมจะลดน้อยลงอย่างแน่นอนครับ ^^
ที่จริงแล้ว ในตอนนี้ ผมอยากจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องการลงทุน LTF ว่า ควรที่จะลงทุนในช่วงไหนและอย่างไร จึงจะได้ผลตอบแทนที่สูงสุด แต่คิดว่าเนื้อหาในส่วนนี้จะทำให้เนื้อหาโดยรวมยาวเกินไป เลยขออนุญาตตัดตอนไปเขียนไว้ตอนหน้าแทนจะดีกว่าครับ
โปรดอย่าลืมอีกครั้งนะครับว่า …..
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”
และสุดท้ายนี้ ถ้าเพื่อนๆ ถูกใจบทความนี้ หรืออยากอ่านเคล็ดลับในการลงทุนตอนต่อไปแล้วละก็….
กรุณาอย่าลืม Like หรือ Share บทความนี้ให้กับผมบ้างนะคร้าบบบ
:D