มาวางแผนภาษีธุรกิจส่วนตัวกันนะเธอว์ ตอนที่ 1 | เริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว
หลังจากที่ได้หยุดพักผ่อนจากการเขียนบทความไปประมาณสองอาทิตย์ ก็เริ่มเกิดอาการคันไม้คันมืออยากจะเขียนบทความชุดใหม่มาให้เพื่อนๆอ่านกันต่อแล้วล่ะครับ แต่ในคราวนี้ขอเขียนบทความสำหรับคนที่ประกอบธุรกิจออกมาบ้าง ในหัวข้อที่มีชื่อว่า “การวางแผนภาษีสำหรับธุรกิจส่วนตัว” (นะเธอว์)
จริงๆแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คิดไว้ว่าจะต้องเขียนเป็นเรื่องแรก ก่อนบทความที่มีชื่อแสนจะยาวเฟื้อยยยยว่า “ว่าด้วยเรื่องของ การออม การวางแผนภาษี และมนุษย์เงินเดือน” (ชือมันจะยาวไปไหนถึงไหนกันเนี่ย – -‘)
จุดประสงค์ของการเขียนบทความชุดนี้ ก็เพื่อที่จะให้เพื่อนๆที่มีธุรกิจส่วนตัว หรือคนที่มีฝันอยากประกอบธุรกิจ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการวางแผนธุรกิจ การเสียภาษีและมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องบัญชี แถมยังไม่ต้องหวาดกลัวสรรพากรที่จะตามมาเก็บภาษีย้อนหลังอีกต่างหาก
โดยบทความชุดนี้ จะเน้นเนื้อหาการเขียนแบบสบายๆ มีเนื้อหาสั้นๆ ในแต่ละตอน มีมุขตลกขำบ้างฝืดบ้าง ก็ขอให้ทำใจไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ แต่ถ้าหากมีข้อสงสัยในเรื่องไหนๆก็ตามไม่ต้องลังเลที่จะถามนะครับ ผมยินดีช่วยหาคำตอบให้เสมอสำหรับเพื่อนสมาชิกทุกๆคนครับ
ในตอนแรกนี้ ผมขอเริ่มต้นโดยการพูดคุยแบบสบายๆกันก่อนดีกว่าครับ
ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มเข้าเรื่องกันเลยครับ :)
– รู้จักกับธุรกิจส่วนตัว –
ก่อนอื่น ผมคิดว่าทุกคนคงจะเคยกรอกเอกสารต่างๆ จำพวก ใบสมัคร หรือว่าพวกแบบฟอร์ม ชิงโชค สมัครสมาชิก หรืออะไรก็ตาม ที่จะบังคับให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวลงไปนั้น จะเห็นว่ามีช่องหนึ่งที่ถามว่า “อาชีพ” ของเราคืออะไร? ซึ่งคำตอบก็จะมีให้เลือกมากมายหลากหลายไม่ว่าจะเป็น
– พนักงานบริษัท
– ข้าราชการ
– พนักงานรัฐวิสาหกิจ
– นักเรียน นักศึกษา
แต่จะมีอยู่ช่องนึงที่เขียนเท่ๆว่า “เจ้าของธุรกิจ” หรือไม่ก็ “ธุรกิจส่วนตัว”
แหมมมมมมม ฟังดูเท่จังเลยนะฮะ ไอ้คำว่า เจ้าของธุรกิจ หรือ ธุรกิจส่วนตัวเนี่ย ว่าแต่มันคืออะไรกันล่ะ??
ธุรกิจส่วนตัว คืออะไร
ความหมายของคำว่า “ธุรกิจ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ว่า
“ธุรกิจ” (น.) การงานประจําเกี่ยวกับอาชีพค้าขาย หรือกิจการอย่างอื่นที่สําคัญ และที่ไม่ใช่ราชการ; (กฎ) การประกอบกิจการในทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม หัตถกรรม พาณิชยกรรมการบริการ หรือกิจการอย่างอื่นเป็นการค้า
ส่วนความหมายของคำว่า “ส่วนตัว” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ก็ได้ให้ความหมายไว้ว่า
“ส่วนตัว” (ว.) เฉพาะตัว, เฉพาะบุคคล, เช่น เรื่องส่วนตัว ของใช้ส่วนตัว
ดังนั้น ธุรกิจส่วนตัว ก็คงหมายความว่า การประกอบกิจการที่เป็นเรื่องเฉพาะตัว จงอย่ามายุ่งกับช้าานนนนนนนนนนนนน (โดยเฉพาะสรรพากร อิอิ) อย่านะ เดี๋ยวปั้ดเหนี่ยวววเลย !
การ์ตูนข้างบนนี้เป็นเรื่องจริงที่ผมเจอมากับตัวเองเลยครับ เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเหมือนกันเลยฮะ – -‘
ตอนนั้นในใจนึกออกอยู่คำเดียว คือคำว่า “เงิบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”
.
.
ก่อนที่กลายเป็นบทความตลก (ฝืด) เราลองมาดูความหมายอย่างจริงจังกันดีกว่าครับ
คำว่า “ธุรกิจส่วนตัว” ผมตีความว่าหมายความถึง การประกอบธุรกิจของตนเอง (เฉพาะตัว) ซึ่งอาจมีบุคคลอื่นมาร่วมกิจการด้วย เพื่อหวังผลกำไรหรือส่วนแบ่งในการทำธุรกิจ
และเพื่อนๆ ทุกคนคงทราบกันดีว่า เป้าหมายของการทำธุรกิจทุกรูปแบบ ก็คือ “กำไร” นั่นเอง ใช่ไหมครับ?
กำไร
แล้วทีนี้เจ้า “กำไร” มันคืออะไรกันแน่? ลองไปค้นหาความหมายใน Google ดีกว่า …
เอิ่มมมม ไม่ทราบว่าใครบอกเอาไว้ว่า กำไร คือ สิ่งชั่วร้าย ครับพี่!!
ถ้าชั่วร้ายแล้วทำไมทุกคนอยากได้กันหมดละเนี่ยยยยยย 555
เอาแบบนี้ดีกว่าครับ ผมขออนุญาตตีความ คำว่า “กำไร” ในแง่ของทางบัญชีแทนละกันครับ…
“กำไร” คือ ส่วนของรายได้ที่มากกว่ารายจ่าย
แต่ถ้ารายจ่ายมากกว่ารายได้เมื่อไรแล้วล่ะก็
ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับกำไร ที่เรียกว่า “ขาดทุน”
เจ้า “กำไร” นี่เอง คือ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจทุกธุรกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ เพราะถ้าธุรกิจดันมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ แทนที่จะกำไรก็จะกลายเป็นขาดทุนเสียนี่ และถ้าเราขาดทุนมากๆติดต่อกันแล้วล่ะก็ ….
คำตอบสุดท้ายก็คือ เจ๊งงงงงงงง หรือ เลิกธุรกิจ นั่นเองครับ
ธุรกิจส่วนตัว VS มนุษย์เงินเดือน
ผมเชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายๆคนอยากจะมีความคิดที่อยากเป็น “เจ้าของธุรกิจ” แต่ต้องอย่าลืมความแตกต่างระหว่างการทำธุรกิจ ซึ่งสถานภาพเราจะเปลี่ยนไปเป็น “นายจ้าง” กับการที่ยังทำงานเป็นพนักงานกินเงินเดือน ที่เรียกว่าตัวเองว่า “ลูกจ้าง” อยู่เรื่องหนึ่งก็คือ
ไม่ว่ากิจการจะกำไรหรือขาดทุนก็ตาม ถ้าหากลูกจ้างยังปฎิบัติหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง เราจะยังได้รับเงินเดือน หรือ รายได้ ในทุกๆเดือนเป็นปกติ แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ คุณต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ธุรกิจของคุณนั้น “ขาดทุน” เพื่อที่จะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เรื่อยๆ
ดังนั้น อย่าลืมคิดดีๆก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวนะครับ อย่างน้อยก็ลองถามตัวเองก่อนว่าตัวคุณนั้น “พร้อม” แค่ไหน….
.
.
แหะๆ เริ่มต้นเรื่องแบบขำๆ ไหงมาจบเครียดแบบนี้ได้ละเนี่ยยย :)
เอาเป็นว่า นี่เป็นเพียงแค่ตอนเริ่มต้นเท่านั้นครับ สำหรับตอนต่อไป เราจะมาดูกันว่า ขั้นตอนต่อมาสำหรับคนที่พร้อมที่จะทำธุรกิจส่วนตัว ก็คือ การกำหนดรูปแบบธุรกิจของตัวเองว่า จะให้ออกมาในรูปแบบไหน รวมถึงเรื่องของภาษีว่าจะเลือกเสียในรูปแบบของ “บุคคลธรรมดา” หรือ “นิติบุคคล” ว่าอย่างไหนจะดีกว่า มีข้อเสียและข้อดีอย่างไรบ้าง ซึ่งผมจะพูดให้ฟังอย่างละเอียดเลยล่ะครับ
สำหรับวันนี้คงต้องลาไปก่อน แต่ด้วยธรรมเนียมบทความทุกบทความใน “บล็อกภาษีข้างถนน” ผมก็อยากจะขอความกรุณาเพื่อนๆ เหมือนเคยครับ ก็คือ อย่าลืมช่วย Like และ Share บทความนี้ให้ผมบ้างนะฮ้าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
:D