มาวางแผนธุรกิจส่วนตัวกันนะเธอว์ ตอนที่ 5 | เลือกทำธุรกิจ “รูปแบบไหน” ดีละเธอว์
หลังจากจบตอนที่ 4 ไปแล้วก็มาพบกับตอนที่ 5 อย่างรวดเร็ว ฉับไว (ซะเมื่อไร – -‘) ในตอนนี้ก็ถึงคราวที่เราจะนำตัวเลือกทั้งหมดมาพิจารณาว่า เราจะเลือก “รูปแบบธุรกิจ” แบบไหนในการดำเนินงานดีล่ะ ผมได้ทำสรุปออกมาเป็นตารางให้เห็นกันชัดๆเลยครับ เพือที่จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
เมื่อเรารู้ถึงความแตกต่างของธุรกิจแต่ละประเภททั้ง “บุคคลธรรมดา” และ “นิติบุคคล” ก็จะเห็นว่าที่จริงแล้วไม่มีรูปแบบธุรกิจแบบไหนที่ดีที่สุด เนื่องจาก “รูปแบบ” ที่ดีที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละธุรกิจมากกว่า ว่ามีความต้องการที่แท้จริงเป็นแบบไหน บางคนอาจจะต้องการความน่าเชื่อถือสูง ก็เลือกดำเนินการในรูปแบบบริษัท แต่บางคนไม่อยากจะมีภาระเรื่องหุ้นส่วนก็อาจจะเลือกดำเนินการแบบบุคคลธรรมดา เจ้าของคนเดียวก็สบายใจไปอีกแบบ
ผมขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ในการเลือกรูปแบบของธุรกิจใดๆก็ตามนั้น คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าลักษณะของแต่ละรูปแบบมีผลกระทบต่อธุรกิจของคุณอย่างไรบ้าง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเลือกรูปแบบของธุรกิจได้ตรงตามความที่แท้จริงของคุณยังไงล่ะครับ
ว่าแล้วก็ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆอีกครั้งก็ได้ครับ (ผมไม่บอกใครหรอก ^^)
.
.
– ภาษี –
เมื่อคุณเลือกรูปแบบธุรกิจเบื้องต้นได้แล้ว สิ่งต่อมาที่คุณควรจะพิจารณาก็คือ เรื่องของ “ภาษี” ครับ แต่ก่อนอื่น เรามารู้จักกันก่อนว่า “ภาษี” คืออะไร
ภาษี คือ สิ่งที่รัฐบาลบังคับเรียกเก็บจากประชาชน เพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนรวม โดยไม่ได้มีสิ่งตอบแทนโดยตรงแก่ผู้เสียภาษีอากร
อ่านแล้วคุ้นๆไหมครับว่า คืออะไร ถ้ายังคิดไม่ออก ผมบอกให้ก็ได้ว่า ผลตอบที่กลับมาก็คือ “สวัสดิการ” และ “สาธารณูปโภค” ที่ทางรัฐส่งมาให้เป็นสิ่งสาธารณะต่างๆที่เราได้รับยังไงละครับ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ ถนนหนทาง (ที่ต้องขุดเจาะซ้ำๆ ซ่อมบ่อยๆ) ไฟฟ้าตามทางต่างๆ (ที่ติดๆดับๆ) รถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชน (ชั่วโมงนึงมาครั้งนึง) หรือว่าจะเป็นสวัสดิการคุ้มครองคนเมืองอย่างกล้อง CCTV ตามแยกต่างๆ (ที่มีแต่กล่อง) เอ๊ะ!! ยังไง (ฮาาาา)
มีคนเคยบอกผมไว้ว่า “ภาษี” ก็เหมือน “ผี” ที่รู้ว่ามีแต่ไม่ค่อยเจอ
แต่พอเจอ “สรรพากร” เมื่อไรละก็ ตกใจทู้กที ยิ่งกว่าโดน “ผีหลอก” ซะอีก แฮร่
ขำๆนะคร้าบ …. กลับมาที่เรื่องของภาษีกันต่อดีกว่า
ปัจจุบัน ภาษีมีอยู่สองประเภท คือ “ภาษีทางตรง” และ “ภาษีทางอ้อม”
ภาษีทางตรง ก็คือ ภาษีที่เรียกเก็บ “โดยตรง” และไม่สามารถผลักภาระภาษีไปยังผู้อื่นได้ ตัวอย่างของภาษีทางตรง ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ผู้เสียภาษีต้องจ่ายเองแบบจริงๆและเจ็บเองแบบจริงๆเช่นกัน (ถ้าไม่ได้จ่าย)
แล้วภาษีทางอ้อมล่ะ คืออะไร?
ภาษีทางอ้อม ก็คือ ภาษีที่เรียกเก็บจาก “ผู้บริโภค” เป็นภาษีที่ผู้ขายสามารถผลักภาระให้กับผู้ซื้อหรือผู้บริโภคเป็นผู้รับชำระแทน ตัวอย่างของภาษีทางอ้อม ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์
แต่เรื่องของธุรกิจส่วนตัว เราจะสนใจในเรื่องของ “ภาษีทางตรง” มากกว่า “ภาษีทางอ้อม” เนื่องจากเป็นภาษีที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเรามากกว่านั่นเองครับ ทีนี้เราลองมาดูอัตราภาษีเงินได้กันดีกว่าว่ามีอัตราอย่างไรกันบ้าง
– อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา –
สำหรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น จะอยู่ในรูปแบบของขั้นบันได หมายความว่า ผู้ที่มีรายได้ “มากกว่า” จะต้องเสียภาษีในอัตราที่ “สูงกว่า” ผู้ที่มีรายได้น้อยกว่าตามตารางด้านล่างนี้เลยครับ
– อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล –
โดยปกติแล้วอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจะอยู่ที่ ร้อยละ 30 (อัตราคงที่) แต่ทางรัฐบาลได้มีนโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป เป็นเวลา 3 รอบบัญชี ดังนี้ครับ
กรณีแรก คือ ทุนชำระไม่เกิน 5 ล้านบาท และ รายได้จากการขายไม่เกิน 30 ล้านบาทนั้น
กำไรสุทธิส่วนที่ไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับยกเว้นภาษี
กำไรสุทธิ 150,000-1,000,000 เสีย 15%
มากกว่า 1,000,000 เสีย 23% (แต่ในปี 2556,2557 จะปรับลดลงเหลือ 20%)
กรณีที่สอง คือ ทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาท หรือ รายได้เกินกว่า 30 ล้านบาท
ปี 2555 เสีย 23% (แต่ในปี 2556 และปี 2557 จะปรับลดลงเหลือ 20%)
.
.
หลังจากที่เราดูสรุปเงื่อนไขในการเลือก “รูปแบบธุรกิจ” แล้ว เราจะเห็นว่าธุรกิจในรูปแบบของ “นิติบุคคล” น่าจะดีกว่า “บุคคลธรรมดา” ทั้งในแง่ของความสะดวก ความน่าเชื่อถือ อีกทั้งอัตราภาษีเงินได้ที่นิติบุคคลต้องจ่ายนั้น ก็ดูเหมือนจะน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราภาษีของบุคคลธรรมดาใช่ไหมล่ะครับ แต่ความเป็นจริงมันจะเป็นเช่นนั้นหรือเปล่าน้า ???
.
.
ตอนจบวันนี้ ขอฝากคำถามให้เพื่อนๆลองคิดดูครับว่า มีปัจจัยอะไรที่ทำให้คนส่วนใหญ่ ยังเลือกที่จะประกอบธุรกิจในรูปแบบ “บุคคลธรรมดา” มากกว่า “นิติบุคคล” และในตอนหน้าเราจะมาว่ากันต่อพร้อมกับเฉลยให้ฟังครับว่าเกิดสาเหตุอะไรกันแน่ สุดท้ายนี้ก็อย่าลืมติดตามตอนต่อไปและกดปุ่ม Like กับ Share ไปพร้อมๆกันได้เลยคร้าบบบบบ
:D