fbpx

เอาจริงๆนะ… ชีวิตไม่ได้มั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ แต่มั่งคั่งด้วยสติต่างหาก

โพสต์เมื่อ: 05 เม.ย. 2017

ป้ายกำกับ: ,


วันก่อนผมเพิ่งรีโพสบทความเรื่อง “จริงหรือ… ที่ชีวิตคนเราจะมั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ใบเดียว?” ที่เขียนไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2559 เพื่อสรุปเรื่องราวและแบ่งปันแนวคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ให้อ่านกันอีกทีครับ

นั่งอ่านความคิดเห็นของหลายๆคนในเพจ TAXBugnoms เกี่ยวกับเรื่องนี้ เลยคิดว่าช่วงนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการอัพเดทเรื่องราวการเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ที่ว่าตั้งแต่ปีก่อนให้ฟังกัน ว่าหลังจากที่เวลาผ่านมาหนึ่งปีนิดๆ มีอะไรเปลี่ยนแปลงกันไปบ้าง และมันเป็นเช่นนั้นจริงๆอย่างที่หนังสือเขียนไว้หรือเปล่า ฮ่าๆ

 

 

ถ้ายึดตามหลักการที่หนังสือเล่มนี้เขียนไว้ รายได้ในปีที่แล้วของผมควรจะเพิ่มเป็น 200 เท่าของมูลค่ากระเป๋าสตางค์ ซึ่งจากการตรวจสอบรายรับของตัวเองในปีที่แล้ว พบว่า รายได้ของผมนั้นเพิ่มสูงกว่า 200 เท่าของมูลค่ากระเป๋าสตางค์เสียอีกครับ #นับว่าเป็นเรื่องดี แต่มันจะเป็นเพราะกระเป๋าสตางค์จริงๆหรือเปล่า เรามาดูกันต่อดีกว่าครับว่า ในปีที่แล้ว ผมมีพฤติกรรมอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง

สิ่งที่เกิดขึ้นกับกระเป๋าสตางค์

1) ทำ One day Clearing หรือ การจัดกระเป๋าสตางค์ให้เรียบร้อยอยู่เหมือนเดิม

2) พกบัตรให้น้อยที่สุด ในกระเป๋าของผมจะมีบัตรอยู่เพียง 4 ใบ ในกระเป๋าสตางค์ คือ บัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็ม (บัตรเดบิต) บัตรเครดิต และ บัตรใช้แทนเงินสดในร้านสะดวกซื้อเท่านั้นครับ ส่วนบัตรใบอื่นๆ แยกเก็บในกระเป๋าเก็บบัตรออกมาต่างหาก

3) แยกเศษเหรียญ ไปเก็บไว้ในกระเป๋าอีกใบบ้าง กระปุกออมสินบ้าง เมื่อมีจำนวนเยอะๆก็เอามาใช้ทีเดียว

4) กดเงินสดให้เยอะหน่อยในแต่ละครั้ง จะได้ไม่เสียเวลามากดบ่อยๆ

5916742437529

สิ่งที่เกิดขึ้นนอกกระเป๋าสตางค์

1) จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างจริงจัง โดยบันทึกข้อมูลในแต่ละวันผ่านทาง App ที่มีชื่อว่า Moneypro และเอาข้อมูลในแต่ละเดือนมาจัดทำตารางสรุปรายรับรายจ่ายประจำเดือน โดยอาศัย Worksheet จากทางน้องเอ A-Academy ที่แอบไปเอามาตั้งแต่ต้นปี 2015

2) ไม่ใช้บัตรสมาชิก หรือบัตรสะสมแต้มอะไรเลย ยกเว้นแต่การสะสมแต้มบัตรเครดิต (ใบเดียว) แต่ไม่ได้ยกเลิกบัตรเครดิตใบอื่นนะครับ ยังคงเอาไว้ใช้ในกรณีที่ได้ส่วนลดจำนวนมากในการซื้อของที่ต้องการอยู่

3) ยกเลิกบัตร ATM ให้เหลือใบเดียว และใช้การโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ เพื่อความสะดวกและประหยัด

4) วางแผนซื้อของให้คุ้มค่าขึ้น โดยเฉพาะการซื้อของสิ้นเปลืองต่างๆ ที่มีมูลค่าสูง จะใช้วิธีทยอยสะสมเงินเพื่อซื้อ แล้วค่อยเอาไปผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต (ถ้าทำได้) เช่น สมมุติผมอยากได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ราคา 30,000 บาท ผมจะสะสมเงินให้ครบก่อน แล้วนำเงินไปลงทุนไว้ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หลังจากนั้นค่อยซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิตผ่อน 0% ที่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และทยอยนำเงินในกองทุนมาจ่ายตามรอบบัญชีของบัตร

5) วางแผนลงทุนรายปี และแบ่งย่อยเป็นรายเดือนเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย เช่น ซื้อสะสมกองทุน LTF, RMF ออมหุ้น หรือเก็บเงินฝากประจำ

ดูแล้วก็ไม่เห็นจะซับซ้อน แล้วอะไรคือเคล็ดลับ?

ระหว่างที่กำลังเขียนบทความนี้ ผมค่อยๆนั่งคิดถึงสิ่งที่ผมทำอยู่ เอาจริงๆแล้วมันไม่มีเคล็ดลับอะไร และวิธีการก็ไม่ได้มีอะไรยากเลยครับ  แบบนี้การเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์มันเกี่ยวอะไรกับความร่ำรวยกันแน่นะ??

ผมคิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องอยู่นิดหน่อย ตรงที่หนังสือเล่มนี้สอนให้เรา “ใส่ใจ” เงิน (ผ่านกระเป๋าสตางค์) มากขึ้น โดยใช้วิธีทางจิตวิทยามาปรับปรุงพฤติกรรมให้เราสนใจเงินในกระเป๋าของเรามากขึ้น ทั้งเรื่องการตรวจสอบเงินในกระเป่า แยกเศษเหรียญ พกบัตรให้น้อย ฯลฯ เพื่อให้เราใช้และพิจารณาอย่างคุ้มค่ามากขึ้น

นอกจากนั้น กระเป๋าสตางค์ใบยาว มีผลกับการพกพาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผู้ชายอย่างผม ทำให้ต้องดูแลและรักษามันมากขึ้น เพื่อให้กระเป๋ามีรูปทรงที่ยังสวยงาม และดูดีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้ ผมคิดว่ามันมีผลต่อการใส่ใจเงินของผมอีกส่วนหนึ่งครับ

5916742469678

อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้น ผมว่ามันมาจากการ “วางแผน” และ “ตรวจสอบ” ครับ โดยตรงนี้จะขึ้นอยู่กับความใส่ใจในเป้าหมายของเราแล้วว่าจะทำอย่างไรให้มันเป็นไปตามเป้าหมาย

ยกตัวอย่างในเรื่องของการวางแผน ผมต้องวางแผนทุกครั้งที่ได้เงินมาจากการทำงานว่า จะเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไร เดือนนี้เหลืออะไรที่ยังไม่ได้ลงทุนบ้างตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อทำได้แล้วจึงค่อยเหลือเงินไว้ใช้จ่าย

ในขณะที่การตรวจสอบที่ผมเพิ่มเข้ามาในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็คบันทึกต่างๆที่ทำไว้ เช่น บัญชีรายรับรายจ่าย เดือนที่ผ่านมาเราใช้เงินไปกับอะไรมากเกินไปหรือเปล่า เดือนนี้จะปรับลดยังไงให้ตรงกับเป้าหมาย เราจะจัดการยังไงให้ชีวิตนั้นมีความสุขจากการใช้จ่ายและสบายกระเป๋าด้วย ตรงนี้มีผลทำให้ผมต้องพยายามหาวิธีที่ดีขึ้นเพื่อที่จะจัดการชีวิตของตัวเองครับ

สรุป 

มาถึงวันนี้ ผมไม่ได้คิดว่าการเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์จะเปลี่ยนชีวิตได้ แต่การเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ทำให้ผมนั้นใส่ใจและมีสติกับรายละเอียดบางอย่างเพิ่มขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้มันมีผลต่อการทำงาน การใช้ชีวิต ไปจนถึงการเพิ่มรายได้ต่างๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว

ขอสรุปผลการพิสูจน์ของตัวเองอีกทีครับว่า การเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์นั้น ไม่ได้แปลว่าจะเปลี่ยนชีวิตได้ แต่การเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ ร่วมกับการใส่ใจเงินในกระเป๋าสตางค์นั้น ทำให้เราสามารถเปลี่ยนชีวิตไปได้จริงๆครับ

อย่างที่ผมเขียนไว้ในหัวข้อนั่นแหละครับ ชีวิตของคนเราไม่ได้มั่งคั่งด้วยกระเป๋าสตางค์ แต่มันมั่งคั่งด้วยสติที่มีต่อเงินในกระเป๋าสตางค์ต่างหากคร้าบบบ

error: เว็บไซต์ป้องกันการ copy